เมื่อพรีเมียร์ลีกประกาศคืนสังเวียน

แฟนบอลหลายๆ คนคงมีความสุขกันอย่างมากมายเมื่อตอนนี้ลีกฟุตบอลต่างประเทศเริ่มทยอยกันกลับมาเตะกันแล้ว ซึ่งเริ่มต้นชิมลางกันไปกับฟุตบอลเยอรมัน และกำลังจะตามมาอีกไม่ช้าสำหรับฟุตบอลเสปน และที่สุขสุดๆ คือฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่กำลังจะกับมาโม่แข้งกันอีกครั้ง หลังจากที่ลุ้นระทึกกันมาตลอดว่าผลลงเอยจะตัดสินแชมป์กันอย่างไร

ตอนแรกทีท่าเหมือนจะถูกเป็นโมฆะ ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้แฟนหงส์แทบจะเคือง แต่ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้วว่าจะกลับมาแข่งขันกันต่อให้จบ และวัดแชมป์กันแบบใสๆ กันเลย โดยทางสมาคมฟุตบอลของแต่ละประเทศก็ได้วางมาตรการการแข่งขันแตกต่างกันไปเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนนัดที่เหลือของแต่ละประเทศ และส่วนใหญ่ในเรื่องของรูปแบบจัดการแข่งขันนั้น

ก็จะมีแนวทางคล้ายๆกันคือมีกฎห้ามแฟนบอลเข้ามาชมเกมในสนาม เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของไข้ไวรัส และมีการเพิ่มกติกาให้มีการเปลี่ยนตัวจากเดิมเปลี่ยนได้ทีมละสามคน กลายเป็นเปลี่ยนได้ทีมละห้าคน เพื่อลดอาการบาดเจ็บของการเตะถี่ๆ ในช่วงนี้ และแน่นอนว่า คงไม่มีลีกใดที่แฟนบอลเฝ้ารอมากกว่าลีกอังกฤษ

โดยเฉพาะแฟนบอลลิเวอร์พูลที่กำลังรอชูถ้วยแชมป์ประวัติศาสตร์ของพวกเค้าอยู่เป็นครั้งแรกในพรีเมียร์ลีก ถึงแม้ว่าการฉลองแชมป์อาจจะดูกร่อยๆไปก็ตามที เพราะไม่มีแฟนบอลเข้ามาในสนาม แต่อย่างไรก็ดีดีกว่าถูกโมฆะ และแม้ว่าจะไม่มีแฟนบอลมาร่วมฉลองแชมป์ในสนาม หรือไม่มีขบวนพาเหรดแห่รอบเมืองแล้วนั้น อย่างน้อยก็ได้สมใจปรารถนาหล่ะ ส่วนในกลุ่มท๊อปโฟร์คงบี้กันมันสนุก เพราะรอบนี้มีม้านอกสายตาอย่างวูลฟ์แฮมตัน และเชฟฟิลด์ มาลุ้นกับเค้าด้วย

ซึ่งก็น่าจะลุ้นกันแบบสุดตัวกับอีกหลายๆ ทีม เช่น แมนยูไนเต็ด เสปอร์ เชลซี และอาร์เซนอล ซึ่งมีพื้นที่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้ไป เพราะอันดับสองคงหนีไม่พ้นทีมอย่างเรือใบสีฟ้า และอันดับสามคงเป็นทีมสุนัขจิ้งจอกเลสเตอร์ อย่างแน่นอน คราวนี้แฟนบอลทั่วโลกและชาวไทยก็คงได้แต่ภาวนาว่า เมื่อลีกต่างๆ เริ่มทยอยกันมาเตะแล้วนั้น

ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีนักบอลคนใด ติดเชื้อโควิดและแพร่ระบาดในสนามฟุตบอล เพราะหากเกิดเรื่อราวแบบนี้ขึ้นมาแล้วนั้น เชื่อว่าทางฟีฟ่าคงต้องมีคำสั่งยกเลิกทุกลีกอย่างแน่นอน เพราะก่อนที่จะมาเริ่มเตะกันนั้น ก็ได้มีข้อตกลงกันไว้คร่าวๆแล้วว่า การทยอยกลับมาเตะครั้งนี้จะต้องไม่มีการสุ่มเสี่ยงหรือมีการแพร่ระบาดเป็นอันขาด

 

สนับสนุนมาจาก  sagame

พรีเมียร์ลีกที่ยกเลิก และปัญหาที่ถกเถียง

หลังจากโลกวงการฟุตบอลถูกภาวะโรคโควิด 19 เล่นงาน จนทำให้สมาคมฟุตบอลประกาศเลื่อนการแข่งขันออกไป ในทุกๆ ชาติและจะกลับมาเตะกันอีกครั้งในวันที่ 3 เมษายน นี้ ซึ่งพรีเมียร์ลีกของอังกฤษก็เป็นหนึ่งในลีกที่ถูกเลื่อนไปด้วย จึงเป็นที่มาของการประชุมตัวแทนของแต่ละสโมสรล่าสุดว่ามีการแบ่งขั้วออกเป็นสองขั้วว่า ขั้วแรกหลายๆทีมยังเชื่อว่าการแข่งขันฟุตบอลในลีกอังกฤษนั้นจะสามารถกลับมาแข่งขันกันต่อได้ทัน

แต่อีกขั้วก็มีความเชื่อว่าการแข่งขันจะไม่สามารถดำเนินการต่อได้ทันในช่วงเวลาที่มีการเดดไลน์กันไว้ แต่สิ่งที่แต่ละสโมสรกังวลกันมากที่สุดและเห็นพ้องต่อด้วยกันนั้นและเหมือนกันคือ เรื่องของการเงินแต่ละสโมสร โดยแต่ละสโมสรไม่ได้สนใจว่าลีกจะจบแบบไหนไปเท่ากับการเงินของสโมสร มากกว่าการเงินของพวกเค้า เพราะการเลื่อนแข่งขันออกไปนั้น พวกเค้าต้องสูญเสียรายได้มหาศาล ทั้งในเรื่องของสปอนเซอร์ และลิขสิทธิ์การถ่ายทอดรวมไปถึงการขายบัตรเข้าชม ซึ่งการสรุปล่าสุดของวงการฟุตบอลอังกฤษนั้น หากการแข่งขันไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้นั้น มีทางเลือกอยู่สามอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั้น ซึ่งต้องรอดูว่าจะออกมาในรูปแบบนั้น

ทางเลือกแรก ให้ตัดการแข่งขันพรีเมียร์ลีกจบทันทีที่ 29 นัด (ปัจจุบัน) และลิเวอร์พูลได้แชมป์ทันที่ และจะไม่มีทีมตกชั้น แต่จะมีทีมจากแชมป์เปี้ยนชิพ เลื่อนขึ้นมาสองทีม ซึ่งหมายความว่า ฤดูกาลหน้าจะมีทั้งหมด 22 ทีม

ทางเลือกสอง ให้ยกเลิกการแข่งขันฤดูกาลนี้ทันที โดยถือว่าเป็นโมฆะ และปีหน้าก็จะเริ่มต้นใหม่ทันที แต่สื่อส่วนใหญ่มองว่าทางเลือกนี้มีโอกาสเป็นไปได้ยาก เพราะหากเป็นทางเลือกนี้จะมีผลกระทบต่อโควต้าหลายๆทีมที่ต้องใช้ในการแข่งขันฟุตบอลยุโรปปีหน้า

ทางเลือกที่สาม ให้ตัดจบทันที และใครอยู่อันดับไหน ก็ให้ยึดตามนั้น ซึ่งก็จะมีทีมทั้งได้แชมป์ และตกชั้นทันที

ซึ่งจากสามทางเลือกนี้ สื่อต่างประเทศวิเคราะห์กันว่า ไม่ว่าทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษจะเลือกทางเลือกไหน ย่อมต้องผลกระทบตามมาอย่างแน่นอนว่า ทางเลือกในแต่ละทางนั้น ย่อมมีทีมที่ได้ผลประโยชน์ และเสียผลประโยชน์อย่างแน่นอน ซึ่งทีมที่เสียผลประโยชน์ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรป อาจจะไม่เท่ากับทีมที่ต้องตกชั้นทันที ซึ่งมันหมายถึงรายได้มหาศาลอย่างชัดเจน ซึ่งพวกเราในฐานะแฟนบอล ก็ต่างภาวนา ให้ฟุตบอลทั่วโลกนั้นกลับมาเตะกันได้ทันวันที่ 3 เมษายน ที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ด้วยเถอะ เพื่อจะได้ตัดปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา ไม่เฉพาะลีกของอังกฤษ แต่มันกระทบถึงลีกทั่วโลกเลยทีเดียว

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  sagame