พรีเมียร์ลีกที่ยกเลิก และปัญหาที่ถกเถียง

หลังจากโลกวงการฟุตบอลถูกภาวะโรคโควิด 19 เล่นงาน จนทำให้สมาคมฟุตบอลประกาศเลื่อนการแข่งขันออกไป ในทุกๆ ชาติและจะกลับมาเตะกันอีกครั้งในวันที่ 3 เมษายน นี้ ซึ่งพรีเมียร์ลีกของอังกฤษก็เป็นหนึ่งในลีกที่ถูกเลื่อนไปด้วย จึงเป็นที่มาของการประชุมตัวแทนของแต่ละสโมสรล่าสุดว่ามีการแบ่งขั้วออกเป็นสองขั้วว่า ขั้วแรกหลายๆทีมยังเชื่อว่าการแข่งขันฟุตบอลในลีกอังกฤษนั้นจะสามารถกลับมาแข่งขันกันต่อได้ทัน

แต่อีกขั้วก็มีความเชื่อว่าการแข่งขันจะไม่สามารถดำเนินการต่อได้ทันในช่วงเวลาที่มีการเดดไลน์กันไว้ แต่สิ่งที่แต่ละสโมสรกังวลกันมากที่สุดและเห็นพ้องต่อด้วยกันนั้นและเหมือนกันคือ เรื่องของการเงินแต่ละสโมสร โดยแต่ละสโมสรไม่ได้สนใจว่าลีกจะจบแบบไหนไปเท่ากับการเงินของสโมสร มากกว่าการเงินของพวกเค้า เพราะการเลื่อนแข่งขันออกไปนั้น พวกเค้าต้องสูญเสียรายได้มหาศาล ทั้งในเรื่องของสปอนเซอร์ และลิขสิทธิ์การถ่ายทอดรวมไปถึงการขายบัตรเข้าชม ซึ่งการสรุปล่าสุดของวงการฟุตบอลอังกฤษนั้น หากการแข่งขันไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้นั้น มีทางเลือกอยู่สามอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั้น ซึ่งต้องรอดูว่าจะออกมาในรูปแบบนั้น

ทางเลือกแรก ให้ตัดการแข่งขันพรีเมียร์ลีกจบทันทีที่ 29 นัด (ปัจจุบัน) และลิเวอร์พูลได้แชมป์ทันที่ และจะไม่มีทีมตกชั้น แต่จะมีทีมจากแชมป์เปี้ยนชิพ เลื่อนขึ้นมาสองทีม ซึ่งหมายความว่า ฤดูกาลหน้าจะมีทั้งหมด 22 ทีม

ทางเลือกสอง ให้ยกเลิกการแข่งขันฤดูกาลนี้ทันที โดยถือว่าเป็นโมฆะ และปีหน้าก็จะเริ่มต้นใหม่ทันที แต่สื่อส่วนใหญ่มองว่าทางเลือกนี้มีโอกาสเป็นไปได้ยาก เพราะหากเป็นทางเลือกนี้จะมีผลกระทบต่อโควต้าหลายๆทีมที่ต้องใช้ในการแข่งขันฟุตบอลยุโรปปีหน้า

ทางเลือกที่สาม ให้ตัดจบทันที และใครอยู่อันดับไหน ก็ให้ยึดตามนั้น ซึ่งก็จะมีทีมทั้งได้แชมป์ และตกชั้นทันที

ซึ่งจากสามทางเลือกนี้ สื่อต่างประเทศวิเคราะห์กันว่า ไม่ว่าทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษจะเลือกทางเลือกไหน ย่อมต้องผลกระทบตามมาอย่างแน่นอนว่า ทางเลือกในแต่ละทางนั้น ย่อมมีทีมที่ได้ผลประโยชน์ และเสียผลประโยชน์อย่างแน่นอน ซึ่งทีมที่เสียผลประโยชน์ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรป อาจจะไม่เท่ากับทีมที่ต้องตกชั้นทันที ซึ่งมันหมายถึงรายได้มหาศาลอย่างชัดเจน ซึ่งพวกเราในฐานะแฟนบอล ก็ต่างภาวนา ให้ฟุตบอลทั่วโลกนั้นกลับมาเตะกันได้ทันวันที่ 3 เมษายน ที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ด้วยเถอะ เพื่อจะได้ตัดปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา ไม่เฉพาะลีกของอังกฤษ แต่มันกระทบถึงลีกทั่วโลกเลยทีเดียว

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  sagame

ทีมตกชั้นของพรีเมียร์ลีก

ใกล้จบฤดูกาลกันเข้าไปทุกที กับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่กำลังจะปิดฉากลงเข้าไปทุกที ซึ่งก็พอจะมองเห็นภาพลางๆ แล้วว่า จะมีทีมไหนที่ส่อแววว่าจะตกชั้น กลับไปเริ่มนับหนึ่งไปกับลีกแชมป์เปี้ยนชิพ เราลองมาไล่ดูกันในแต่ละทีมกันเลย

นอริชซิตี้ น้องใหม่จากศึกแชมป์เปี้ยนชิพ ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาได้แค่ฤดูกาลเดียว แต่ตอนนี้เหมือนจะต้องตีตั๋วกลับไปค่อนข้างเกือบ 75% แล้ว ทั้งๆที่ตอนเริ่มฤดูกาลก็ทำได้ดี แต่พอเล่นไปเล่นมา เริ่มออกทะเล แพ้ติดๆ กันหลายนัด ไม่อาจต้านทานทีมอื่นๆ ได้

แอสตันวิลล่า ทีมนี้ก็เป็นอีกทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาพร้อมกับทีมนอริช ดูทรงสไตล์การเล่นแล้วค่อนข้างแย่กว่านอริชซิตี้ ซึ่งจะดีกว่าตรงทีเสียประตูค่อนข้างยาก แต่ที่สำคัญก็ยิงประตูเค้าได้ยากเหมือนกัน ดูแนวโน้มแล้วก็น่าจะเป็นอีกทีมที่กอดคอกับนอริชลงไปเริ่มต้นนับหนีงกันใหม่ในลีกแชมป์เปี้ยนชิพ

ส่วนทีมที่สามนั้น ตอนนี้เดากันค่อนข้างยาก เพราะอันดับ 18 ซึ่งเป็นอันดับที่จะต้องถูกหนีบตกชั้นตามอันดับที่สิบเก้า และยี่สิบลงไปด้วยนั้น มีแต้มสูสีกันเหลือเกิน เรียกว่าผลัดกันจองพื้นที่กันในแต่ละสัปดาห์เลยก็ว่าได้ ซึ่งแตกต่างกันสองทีมแรกที่จองตำแหน่งอันดับที่สิบเก้า และยี่สิบมาค่อนข้างนานแล้ว และอันดับสิบแปดที่มีแต้มเท่ากันนั้นมีอยู่ด้วยกันถึงสามทีม

ประกอบไปด้วย ทีมบอนด์มัธ ทีมวัตฟอร์ต และทีมเวสแฮมต์ ซึ่งหากว่ากันตามเนื้อผ้าจริงๆแล้วนั้น ลองมาดูกันว่าทั้งสามทีมนี้มีทีมไหนที่มีโอกาสตกชั้นเป็นทีมที่สามมากที่สุด

บอนด์มัธ ทีมของเอ็ดดี้ ฮาว ต้องบอกว่าทีมนี้สามารถยืนหยัดอยู่ในลีกสูงสุดได้ถึง ห้าปีแล้ว แต่ปีนี้ ผลงานของทีมไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิมจากจุดเด่นที่เล่นในบ้านได้ดี เริ่มไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม ประกอบกับขุมกำลังที่ไม่ได้มีการเสริมสร้างทีมเลยแม้แต่น้อย จึงอาจทำให้เค้ามีโอกาสที่ต้องกลับไปสร้างทีมที่แชมป์เปี้ยนชิพอีกครั้ง โอกาสตกชั้น 65%

วัตฟอร์ต ทีมที่ทำได้ถึงขนาดเป็นรองแชมป์เอฟเอคัพเมื่อฤดกาลที่แล้ว แต่พอมาปีนี้ช่วงครึ่งฤดูกาลฟอร์มค่อนข้างแย่มาก เคยเลวร้ายสุดดิ่งไปจมบ๊วยของลีก เพิ่งจะเริ่มมาคืนฟอร์มได้ระยะหลังๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทันพอที่จะทำให้ทีมได้อยู่แล้วต่อไปอีกมั้ยในฤดูกาลนั้น โอกาสตกชั้น 60%

เวสต์แฮม หากทีมนี้ตกคงสร้างความเสียใจให้กับแฟนบอลหลายๆ คน เพราะถือว่าทีมมีขุมกำลังและตัวผู้เล่นที่ดีกว่าอีกสองทีม แต่เชื่อว่าด้วยความสามารถของกุนซือ อย่างเดวิด มอยส์ คิดว่าเวสต์แฮมคงไม่ตกชั้น โอกาสตกชั้น 50%

 

ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์2020

เหตุผลที่นักฟุตบอลไปเล่นที่อเมริกา

โดยส่วนใหญ่อาชีพนักฟุตบอลนั้น จะเริ่มค้าแข้งกันก็ตั้งแต่อายุ 17 จนไปแขวนสตั๊ดกันช่วงอายุ 34 ถึง 35 โดยประมาณ เพราะด้วยวัยและสังขารมันไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยเท่าไหร่นัก หากต่อให้เค้าคนนั้นยังคงฟิตเปรี๊ยะ วิ่งได้เก้าสิบนาทีเต็มก็ตาม แต่หากเมื่อใดที่ร่างกายได้รับอาการบาดเจ็บนั้นจะทำให้นักฟุตบอลที่มีอายุค่อนข้างเยอะหายจากอาการบาดเจ็บค่อนข้างยาก และในวัยที่ถือว่าเป็นช่วงพีคที่สุดของอาชีพการค้าแข้งของนักฟุตบอลนั้น

ก็จะเป็นช่วงเวลาตั้งแต่อายุ 27 จนถึง 31 ที่ถือว่าฟอร์มและประสบการณ์ที่สั่งสมมานั้นกำลังเข้าที่กันเลยทีเดียว แต่พอเลยวัยอายุ 31 แล้วนั้น ก็เริ่มเข้าสู่โค้งสุดท้ายของอาชีพนักเตะ ซึ่งสโมสรส่วนใหญ่ก็เริ่มที่จะดูสถานการณ์นักเตะเป็นระยะว่าควรจะต่อสัญญาให้อีกมั้ย หรือควรจะปล่อยให้กับสโมสรอื่นไปกันดี ส่วนตัวนักเตะเองก็รู้อยู่แล้วว่าเมื่ออายุเข้าเลข 31 ตัวเค้าเองนั้นอาจจะต้องขยับไปเล่นในลีกที่ค่อนข้างง่ายกว่าอย่างพวกเอเชีย การ์ตาร์ หรือแม้กระอเมริกา

ซึ่งหากพูดนักเตะในฝั่งยุโรปส่วนใหญ่นั้น

ก็มักจะเลือกไปเล่นที่ทวีปอเมริกากันซะเป็นส่วนใหญ่ ด้วยเม็ดเงินที่มหาศาล หรือแม้กระทั่งการใช้ชีวิตของตัวเค้าเองและครอบครัวที่ดูเหมือนจะปรับได้ง่ายกว่าการไปใช้ชีวิตในแถบตะวันออกกลางหรือในแถบเอเชีย ซึ่งเป้าหมายส่วนใหญ่ของนักเตะพวกนี้ที่ใกล้จะปลดระวางตัวเอง แต่ด้วยความที่มีชื่อเสียงอยู่ก็ยังคงขายได้ และสโมสรเหล่านั้นก็ยังคงมองการตลาดที่จะเรียกเงินจากแฟนบอลของพวกเค้าได้ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเสื้อของนักเตะเหล่านั้น

หรือมูลค่าการดึงดูดของแฟนบอลที่จะรับชมในสนามและทางทีวี ซึ่งลีกในอเมริกานั้น เรียกว่าเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ ซึ่งถึงว่าเป็นลีกที่ใหญ่พอสมควร เพราะด้วยประเทศที่ถือว่าเป็นประเทศที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้มีสโมสรมากมายเกือบ 40 ทีมในลีกสูงสุด จนถึงขนาดต้องแบ่งกันเป็นสายฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก เพราะประเทศใหญ่มากถึงขนาดไม่สามารถเดินทางข้ามกันไปมาเพื่อทำการแข่งขันกันทุกอาทิตย์ได้ และด้วยเป็นประเทศที่ถือว่าเป็นมหาอำนาจที่มีเม็ดเงินมหาศาลตลอดจนไลฟ์สไตล์ความเป็นอยู่ที่ถือว่าเป็นทุกสิ่งที่นักฟุตบอลเหล่านี้จะหาได้

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้นักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงมากมายต่างพากันหลั่งไหลไปโกยเม็ดเงินดอลล่าร์ จากเมเจอร์ซอคเกอร์ลีก ในอเมริกา และมาตรฐานการเล่นในอเมริกานั้น ก็ยังไม่ถือว่าเทียบเท่ากับลีกในยุโรปเท่าไหร่ จึงทำให้นักเตะเหล่านี้ที่ใกล้จะหมดระวาง สามารถยืนระยะและเล่นในอเมริกาได้อย่างสบาย

 

สนับสนุนโดย  nowbet

นักเตะที่ย้ายทีมแล้วล้มเหลวไม่เป็นท่า

หลายๆ ครั้งที่ทีมสโมสรฟุตบอลเริ่มมีการจับจ่ายซื้อตัวนักเตะใหม่เข้ามาร่วมทีมนั้น นั่นหมายความว่า ทีมเหล่านั้นเค้าตั้งมาตรฐานและความหวังไว้สูงกับนักเตะเหล่านี้

เพราะด้วยเม็ดเงินที่มหาศาลที่ทุ่มทุนลงไป ไม่ว่าจะเป็นค่าตัวนักเตะที่นับวันนับวันจะแพงขึ้นเรื่อยๆ หรือจะค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์ที่บางสัปดาห์ก็ได้เล่นบางสัปดาห์ก็ไม่ได้เล่น ที่เรียกเอากันว่า แค่หายใจกันต่อนาทีก็มีมูลค่ามากมายมหาศาล หรือ ค่าฉีกสัญญาที่ระยะหลังๆ นั้น ทีมสโมสรแต่ละทีมที่ถือครอบครองกรรมสิทธิ์ของนักเตะเหล่านั้นอยู่ได้ทำไว้

นับตั้งแต่ซื้อมาร่วมทีมใหม่ๆ เพื่อกันท่าไว้สำหรับทีมอื่นที่หวังจะใช้เม็ดเงินก้อนโต ดูดนักเตะของทีมพวกเค้าออกจากสโมสรไป แต่หลายๆ ครั้งที่มีทีมที่ยอมลงทุนทำเช่น แต่สุดท้ายแล้ว ก็เหมือนเอาเงินไปทิ้งลงแม่น้ำ แม้แต่ทีมยักษ์ใหญ่อย่างเจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่า ก็เคยทำผิดพลาดมาแล้ว อย่างกรณีล่าสุด ของอองตวน กรีซมันน์ หัวหอกทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์โลกล่าสุด เพราะนับตั้งแต่ บาร์เซโลน่า ต้องเสีย เนย์มาร์ ให้กับทีมปารีส ในฝรั่งเศสไปนั้น

บาร์เซโลน่าก็ความหานักเตะที่มาทดแทน เพื่อเล่นร่วมกันกับ ลีโอเนล เมสซี่

นักเตะอัจฉริยะชาวอาร์เจนติน่า และหลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกฟันกระต่ายจากทีมชาติอุรุกวัย ซึ่งไม่ว่าจะกี่คนหรือกี่คนที่ย้ายมาร่วมทีมนั้น ก็ไม่สามารถที่จะทดแทนการเล่นของเนย์มาร์ได้ จนล่าสุด นักเตะที่พวกเค้ารอคอยและตามจีบมาตั้งแต่สมัยที่เนย์มาร์ ยังไม่ย้ายออกไป ก็ได้มีโอกาสย้ายข้ามฟากมายังแอตมาดริด ที่คู่แข่งในลาลีก้า ของพวกเค้า

และด้วยฟอร์มที่เจิดจรัสต่อเนื่องมาเกือบ 5 ปี ในทีมตราหมี นี่คือนักเตะที่พวกเค้าหวังว่า จะมาทดแทน เนย์มาร์ได้เป็นอย่างดี แต่แล้วเมื่อ กรีซมันน์ ได้ย้ายมาร่วมทีมจริงๆ แล้วนั้น สิ่งที่เหล่าสาวกคัมป์นูคาดหวังนั้น กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิดเพราะ กรีซมันน์ ไม่สามารถโชว์ฝีเท้าเหมือนที่เล่นให้กับทีมตราหมี หรือทีมชาติฝรั่งเศสเลยแม้แต่น้อย เพราะตั้งแต่ย้ายมาในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลปีนี้ จนใกล้จะปิดฉากการค้าแข้งแล้วนั้น นักเตะฝรั่งเศส

คนนี้ยิงประตูรวมกันไม่ถึง สิบประตูด้วยซ้ำ จนมีข่าวว่า บาร์ซ่า เริ่มที่จะหาตัวแทนของเค้า และหวังที่จะขายเค้าออกไปในซัมเมอร์นี้แล้วด้วยซ้ำ เพราะจะได้เอาเงินมาซื้อนักเตะใหม่ ซึ่งนักเตะที่อยุ่ในข่ายของทีมต่างดาวนั้น ก็คือ เพื่อนร่วมชาติฝรั่งเศสของเค้านั่นเอง คีแรน เอมปั้ปเป ดาวรุ่งทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์โลกปัจจุบันที่ปัจจุบันเล่นอยู่ในปารีส กับเนย์มาร์

 

ให้การสนับสนุนเรื่องราวดีๆเหล่านี้โดย  BK8

แชมป์ไร้พ่าย 

การที่ทีมฟุตบอลใดสักทีมหนึ่งไม่ว่าจะลีกไหน จะอังกฤษ อิตาลี เยอรมัน ฝรั่งเศส สก๊อตแลนด์ โปรตุเกส หรือแม้แต่เนเธอร์แลนด์ คว้าแชมป์ลีกมาได้นั้น ย่อมเป็นการบ่งบอกถึงความสำเร็จว่า ทีมข้านี่แหละแชมป์ตัวจริง 

แต่ถ้าปีไหนเกิด หรือลีกการแข่งขันไหน

เกิดมีทีมโกยแต้มนำโด่งทิ้งคู่แข่งอันดับสองอย่างไม่เห็นฝุ่น แล้วมีการคว้าแชมป์ตั้งแต่ก่อนจบฤดูกาลหลายนัด ทีมนั้นต้องถูกยกให้เป็นทีมที่เก่งกาจ ยากที่คู่ต่อสู้ในลีกจะต้านทาน ซึ่งต้องบอกในลีกอังกฤษเองนั้นที่ว่าแน่ๆ เพราะเต็มไปด้วยทีมที่มีฝีเท้าไม่ธรรมดา ใกล้เคียงกันนั้น ก็ยังมีทีมที่โกยแต้มทิ้งห่างคู่ต่อสู้คว้าแชมป์มาครอบแล้ว

แต่หากถ้ายังมีทีมที่คว้าแชมป์ลีกได้ และมีฟอร์มการแข่งที่น่าประใจ และที่สำคัญไม่แพ้ใครเลยตลอด 38 นัดนั้น นั่นคือสุดยอดของทีมในยุคนั้น ซึ่งหากถามว่ามีทีมใดบ้างในเกาะอังกฤษศึกเวทีพรีเมียร์ลีกนั้น ก็มีแค่ทีมเดียวคือ ปืนใหญ่อาร์เซนอล ในยุคไร้พ่าย ที่มีกุนซืออย่าง อาแซน เวนเกอร์ คุมทีมอยู่ ซึ่งตลอดทั้งฤดูการนั้น ทีมปืนใหญ่อาร์เซนอล ไม่แพ้ทีมใดในพรีเมียร์ลีกเลย

ด้วยฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวา ขุมกำลังลงตัวไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตู อย่างเยน เลห์มัน ไล่ไปกองหลังคือ คู่เซ็นเตอร์อย่าง โซลแคมเปลล์ และโคโรตู่เร่ แบ๊กขวาและแบ๊กซ้ายเป็น แอชลี่โคล และโลร๊องต์ เอตาเม่  ขึ้นมาทีคู่กองกลางขึ้น แพคทริค วิเอร่า และ เรย์ พาร์เลอร์ ส่วนปีกซ้ายขวา เป็น โรแบร์ ปิแรส กับ เฟดดริก ลุงเบริก์ สุดท้ายคู่กองหน้าคือ เดนิส เบริก์แคมป์ และ 

เธียร์รี่ อองรี  ซึ่งต้องบอกนี่คือชุดดรีมทีม และเป็นชุดที่ดีสุดของอาร์เซนอล จนยุคปัจจุบัน ก็ยังไม่ผู้เล่นอาร์เซนอลชุดไหน ที่ทำได้เท่านี้ ซึ่งหากมามองถึงทีมอื่น ไม่ว่าจะเป็นแมนเชสเตอร์ซิตี้ ที่ทีมโคตรจะแข็งแกร่ง ก็ไม่สามารถทำได้ หรือจะเป็นหงส์แดง

ลิเวอร์พูล ที่ฤดูกาลนี้ถือว่ามาแรง และจ่อเข้าป้ายแชมป์อีกไม่กี่นัดนี้แล้ว และเป็นทีมที่ใกล้เคียงที่จะทำสถิติไร้พ่ายได้เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ต้องฝันสลายไปในนัดล่าสุดที่ต้องพลาดท่าพ่ายแพ้ไปต่อทีมวัตฟอร์ด ชนิดที่เรียกว่าสู้กันไม่ได้เลยด้วยสกอร์ 3 ประตูต่อ 0 ที่สนามบ้านแตนอาละวาด เองในเมื่อคืนวาน ซึ่งถือเป็นการหยุดสถิติชนะ 18 นัดรวดของหงส์แดงลงไว้ด้วย

และไม่อาจทำสถิตินี้ได้เป็นทีมเดียว เพราะทีมก่อนที่เคยทำได้นั้น ก็คือเรือใบสีฟ้าที่ชนะรวด 18 นัดเท่ากัน

 

ขอบคุณผู้สนับสนุนเรื่องราว  next88

สุดยอดกัปตันทีม รอย คีน

ในทีมฟุตบอล หากคุณมีกัปตันที่ดีนั้น ทีมของคุณมักจะไปได้ไกลและได้เปรียบทีมของคู่ต่อสู้ เพราะตำแหน่งนี้จะคอยเป็นเหมือนอาวุธที่คอยปกป้องยามคุณเพลี่ยงพล้ำและที่สำคัญจะเป็นเหมือนพลังที่คอยปลุกเร้ายามที่คุณต้องสู้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเช่นกันสโมสรใหญ่ๆอย่างเช่นแมนยูก็จะมีกัปตันระดับตำนานนั่นก็คือรอย คีน ที่ถูกยกให้เป็นต้นแบบของคำว่ากัปตันทีมเพราะแมนยูนั้นมีกัปตันที่เป็นตำนาน อย่างไบรอัน ร็อบสัน มาแล้วแต่ตัวของรอย คีน นั้นต่างกับไบรอัน ร็อบสันอย่างสิ้นเชิง

เพราะด้วยบุคลิกของรอย คีนนั้นออกจะนักเลงแต่แฝงด้วยความเป็นผู้นำซึ่งเป็นสไตล์พร้อมจะปกป้องลูกน้องทุกครั้งยามที่ลูกน้องมีปัญหาตัวรอย คีน นี่แหล่ะ ที่พร้อมจะปรี่เข้าไปช่วย และกลายเป็นคนที่มีเรื่องซะแทน โดยรอย คีน นั้นเริ่มเล่นฟุตบอล กับสโมสรน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับทีมแมนยู

แต่การจากมาของเค้าไม่เป็นที่ประทับใจนักเนื่องจากเค้าย้ายจากทีมฟอเรสต์ มาเพราะปีนั้น เจ้าป่า น๊อตติงแฮม ฟอเรสต์ ตกชั้น ซึ่งการย้ายของเค้านั้นในตอนแรกทีมที่มีโอกาสจะเค้าตัวเค้าไปมากที่สุด และเจ้าตัวเองก็ได้ตกลงใจไปแล้วคือ ทีมแบล๊คเบริน์สโรวเวอร์ แต่ด้วยปัญหาด้านเทคนิคของทีมแบล็คเบิรน์เองที่มีปัญหาเรื่องเอกสาร จึงทำให้การย้ายทีมล่าช้าไปสองสัปดาห์ ซึ่งข่าวนี้รู้ไปถึงแมนยู ผีแดงจึงใช้โอกาสนี้เป็นตาอยู่ เสียบแย่งชิงตัว รอย คีน มาจากแบล๊กเบรินส์โรเวอร์ส กันแบบดื้อๆ

ด้วยการทุบสถิติค่าตัวของสโมสรแมนยูในเวลานั้นด้วยค่าตัว สามจุดเจ็ดล้านปอนด์ แต่เม็ดเงินที่ทางทีมแมนยู ยอมลงทุนไปนั้น มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เพราะ รอย คีน คนนี้ ก้าวเข้ามาเป็นกำลังสำคัญ ในยุคประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ซึ่งในยุคนั้น แมนยู มีกองกลางพันธุ์ดุอีกคนอยู่แล้วคือ พอล อินซ์ แต่การที่แมนยู มีรอย คีนเข้ามานั้น เหมือนเป็นการมารับไม้ต่อจากพอล อินซ์ ซึ่งรอยคีน ก็ไม่ทำให้แฟนผีแดงผิดหวัง เพราะการรับไม้ต่อครั้งนี้นั้น มันยิ่งกว่าการรับไม้ต่อซะอีก เพราะแมนยู ได้มอบหมายความเป็นผู้นำให้กับรอย คีน และตัวเค้าเองก็พาลูกทีมคว้าแชมป์ได้มากมาย และการเล่นของแมนยู ก็เหมือนถอดแบบคาแรกเตอร์ ของเค้าออกมา เพราะสไตล์การเล่นของแมนยู กลายเป็นทีมที่ดุดัน และแข็งแกร่งมาก เพราะจุดเด่นของเค้าเป็นกองกลางที่วิ่งได้ไม่มีหมด และมีการตัดสินใจที่เด็ดขาด ถึงขนาด อเล็ก เฟอร์กูสัน เคยกล่าวไว้ว่า การที่เค้ามีนักเตะคนนี้ อยู่ในทีม เค้าจะรู้สึกได้ว่า ทีมไม่เคยยอมแพ้ จนกว่าเสียงนกหวีดจากกรรมการจะเป่าหยุดเกม

ใครเป็นคู่หูพรีเมียร์ลีกที่ดีที่สุด

ฟุตบอลสมัยก่อนมักจะเล่นกันด้วยระบบกองหน้าสองตัว จึงทำให้ยุคก่อนๆ นั้น มักจะมีคู่หูที่ช่วยกันถล่มประตูอย่างมากมายให้กับสโมสรและทีมชาติ แต่ด้วยปัจจุบันระบบการเล่นของแต่ละทีมเริ่มเปลี่ยนไป บางทีหันมาใช้กองหน้าแค่คนเดียว และบางทีใช้ถึงสามกองหน้า จึงทำให้คู่หูที่ว่ามานี้อาจจะไม่ใช่คู่กองหน้า แต่อาจจะเป็นกองหน้ากับกองกลาง ซึ่งสื่อชื่อดัง อย่างเดอะซันของอังกฤษได้จัดอันดับไว้ว่า เมื่อมีสองคนนี้อยู่ในสนามแล้วนั้น ประตูจะไหลมาเทมาสำหรับทีมนี้ คราวนี้เราลองมาดูกันว่า

มีคู่ไหนบ้างจากการจัดอันดับของเดอะซัน สื่อชื่อดังจากอังกฤษ โดยวัดจากการที่ทั้งสองคนลงสนามพร้อมกัน

คู่แรกอันดับห้าเป็น ตอร์เรส กับเจอร์ราด คู่หูจากหงส์แดงลิเวอร์พูล เป็นคู่กองหน้ากับกองกลาง ยิงรวมกันได้ แปดสิบเอ็ดประตู แยกเป็นตอร์เรส ห้าสิบสองประตู และเจอร์ราด ยี่สิบเก้าประตู ซึ่งใช้เวลาแค่สามปีครึ่งเท่านั้น

คู่อันดับสี่ คู่หูสุดคลาสสิกจากฝรั่งเศส อองรี กับปิแรส จากสโมสรอาร์เซนอล ยิงรวมกัน หนึ่งร้อยหกสิบสองประตู อองรียิงไปหนึ่งร้อยแปด และปิแรส ห้าสิบสี่ประตู ใช้เวลาหกฤดูกาล ซึ่งยุคนั้นคือยุคไร้พ่ายของปืนโตอย่างแท้จริง

คู่อันดับสาม คือคู่หูจากเรือใบสีฟ้า ยุคปัจจุบัน นั่นก็คือ กุน อเกวโร่ กับ ราฮิม เสตอร์ริ่ง  จากจำนวน หนึ่งร้อยประตู แบ่งเป็น กุน หกสิบห้าประตู และราฮิม เสตอร์ริ่ง สามสิบห้าประตู แต่ที่น่าแปลกนักเตะสองคนนี้ นอกสนามกับไม่ค่อยสนิทกัน อาจจะพอด้วยสัญชาติที่ต่างกัน แต่ก็ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งที่คู่นี้ยิงได้เยอะ ก็เพราะความยอดเยี่ยมของกุนซือ อย่างเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่คิดจะปั้นใคร ก็สามารถทำให้เก่งได้

คู่อันดับสอง จากหงส์แดงลิเวอร์พูล ที่ยังเล่นอยู่ในยุคปัจจุบัน ซึ่งยิงรวมกันได้ทั้งหมด แปดสิบเก้าประตู แบ่งเป็น ซาล่าห์ ห้าสิบประตู และ ซาดิโอ มาเน่ สามสิบเก้าประตู ซึ่งคู่นี้เคยเกิดเรื่องดราม่า ตรงนี้ทั้งสองคนนี้เคยทะเลาะกันเรื่องไม่ยอมส่งบอลให้กันยิง แต่ด้วยความที่เจอร์เก้น คล้อป เข้ามาเคลียร์ ทุกอย่างก็ปรับความเข้าใจกันได้ดี 

คู่อันดับหนึ่ง มาจากสโมสรไก่เดือยทอง เสปอร์ นั่นคือ แฮรี่ เคน กับซอง ฮินมึน ซึ่งยิงรวมกันไปทั้งหมดหนึ่งร้อยประตู แบ่งเป็น เคน หกสิบเจ็ด ซองฮึนมิน สามสิบสามประตู แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ทั้งคู่ได้รับการบาดเจ็บ จึงทำให้สถิติของทั้งคู่น่าจะหยุดลงเท่านี้ เพราะล่าสุด มูรินโญ่ บอกว่า อาการบาดเจ็บของ ซอง ฮึนมึน อาจจะต้องหยุดพักถึงฤดูกาลหน้าเลยทีเดียว

กีฬาฟุตบอลยอดฮิต

กีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมมากที่สุดในโลก

กีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมมากที่สุดในโลก เล่นกันเป็นทีมหนึ่งทีมมีสิบเอ็ดคน แล้วแต่สภาพสนาม บางสนามอาจจะเล่นได้เก้าคนหรือเจ็ดคน เป็นต้น และมีผู้ตัดสิน(กรรมการ)ในสนามอย่างน้อยสามคนและนอกสนามหนึ่งคน กติกาก็อาจจะต่างออกไปบ้างนิดหน่อยอาทิ เช่น บอลสิบเอ็ดคนในกติกามีการเช็คล้ำหน้าแต่บอลเก้าคนหรือเจ็ดคนไม่มีการเช็คล้ำหน้ากองหน้าและปีกซ้ายปีกขวามีอิสระในการเล่น สามารถสร้างความปั่นป่วนและทำลายสมาธิกองหลังของฝ่ายตรงข้ามได้ตลอดเวลาแล้วแต่ความฟิตของแต่ละทีม ดีกว่าบอลสิบเอ็ดคน

เพราะผู้เล่นฝ่ายรุกไม่ต้องมาพะวงผู้ตัดสินในการเช็คล้ำหน้า กีฬาฟุตบอลมีการเตะสองครึ่ง ครึ่งละสี่สิบห้านาที(เฉพาะบอลสิบเอ็ดคน)ส่วนบอลเก้าคนหรือเจ็ดคนส่วนมากจะเตะครึ่งละยี่สิบห้านาที(แล้วแต่กรณีบางสนามอาจจะเตะแค่ครึ่งละยี่สิบนาทีแล้วแต่ผู้จัดแข่งจะตั้งกติกาเวลาในการแข่ง)นักกีฬาฟุตบอลในทีมมีได้สิบแปดคนลงได้สิบเอ็ดคนเปลี่ยนผู้เล่นสำรองอีกสามคนไม่รวมต่อเวลาพิเศษ(ในสมัยนี้ถ้าต่อเวลาพิเศษสามารถเปลี่ยนผู้เล่นเพิ่มได้อีกหนึ่งคน)

ส่วนฟุตบอลเก้าคนมีนักกีฬาในทีมได้สิบห้าคนเปลี่ยนผู้เล่นสำรองได้สามคนหรือแล้วแต่ผู้จัดแข่งจะกำหนด ฟุตบอลเจ็ดคนมีนักกีฬาในทีมได้สิบสองคนการเปลี่ยนผู้เล่นสำรองก็เหมือนกับฟุตบอลเก้าคน กติกาฟุตบอลเก้าคนและฟุตบอลเจ็ดคนจะคล้ายๆกัน  ในประเทศไทยส่วนมากจะนิยมจัดฟุตบอลประเภทเก้าคนและฟุตบอลเจ็ดคนมากกว่าฟุตบอลสิบเอ็ดคนเพราะสนามในประเทศไทยส่วนใหญ่(ต่างจังหวัด)มีสนามบอลที่เล็กค่อนข้างจำกัดเพราะสนามบอลสิบเอ็ดคนต้องมีคนดูแลรักษาทำให้ค่าใช้จ่ายเยอะอาจจะดูแลไม่ทั่วถึง สนามฟุตบอลเล็กจึงเป็นที่นิยมจัดการแข่งขันมากกว่าสนามฟุตบอลใหญ่

และงบประมาณในการใช้จัดก็ไม่เยอะเท่าการจัดฟุตบอลสิบเอ็ดคนด้วย การจะเป็นนักกีฬาฟุตบอลได้ต้องดูว่าเรามีความสมารถแบบไหนถนัดแบบไหนและ ต้องลองเล่นในหลายๆตำแหน่ง เพื่อให้คุ้นชินและรู้สึกสนุกเวลาได้เล่น เมื่อเจอตำแหน่งที่เราชอบและสามารถพัฒนาต่อไปได้แล้วนั้น เราควรทำให้เต็มที่เพื่อที่จะทำมันให้ดีกว่าเดิมขึ้นไปในทุกๆวันของการเติบโต กีฬาฟุตบอลมีการเปิดสอนเป็นโรงเรียนโดยเฉพาะทางต้องมีการไปคัดตัวเพื่อที่จะต่อยอดไปในอนาคต แต่สมัยนี้มีการเปิดสอนตั้งแต่อายุยังน้อยเรียกการฝึกสอนนี้ว่าอคาเดมี่(รุ่นเด็ก)เป็นการสอนเบสิกฟุตบอลขั้นพื้นฐานตั้งแต่เด็กเพื่อจะไปคัดติดโรงเรียนกีฬาและเป็นนักกีฬาฟุตบอลที่ดีในอนาคตข้างหน้า