เล่นกีฬาให้เหมาะสมถึงจะมีสุขภาพที่ดี

การออกกำลังกายล้วนแล้วแต่เป็นการทำให้ร่างกายของเรานั้นแข็งแรงได้ เนื่องจากว่าการออกกำลังกายนั้นไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬาประเภทใดทำให้เรา ร่างกายแข็งแรงด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าหากคุณอยากมีร่างกายที่แข็งแรงก็จำเป็นที่จะกระตุ้นร่างกายของตนเองด้วยการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการช่วยในทุกๆด้าน

การเล่นกีฬานั้นสามารถเลือกเล่นตามช่วงอายุได้ เนื่องจากว่ามันจะเหมาะสมและไม่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บแก่ตนเองได้ง่าย วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่ากีฬาชนิดใดที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยและเล่นกีอะไรบ้างที่เหมาะแก่อายุของแต่ละช่วงวัย ซึ่งในวันนี้มีคำตอบมาฝากกัน

เราเริ่มต้นกันตั้งแต่ช่วงวัยที่เป็นทารกกันเลย โดยวัยนี้เป็นวัยที่ต้องการการกระตุ้นทางด้านของการพัฒนาของสมอง ดังนั้นคุณควรที่จะหาสิ่งของเพื่อมาให้เด็กๆได้มีการพัฒนาหรืออาจจะหาบอลเพื่อมาให้เด็กได้เคลื่อนไหวด้วยการไขว่คว้าบอลเหล่านั้น สิ่งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นในวัยทารกเช่นนี้ และเชื่อเถอะว่าทำวิธีนี้แล้วลูกน้อยของคุณจะได้มีสุขภาพแข็งแรงแน่นอน

วัยหัดคลาน ควรเล่นกีฬาประเภทใดๆก็ได้ที่ทำให้พวกเขานั้นมีการเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อเป็นการฝึกฝนให้ร่างกายได้ขยับมากขึ้นนอกจากนั้นยังทำให้ร่างกายของเขาแข็งแรงเพิ่ขึ้นอีกกด้วย การหาสิ่งของมาเพื่อให้พวกเขานั้นได้ทำกิจกรรม ควรให้เล่นในหนึ่งวันไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อเป็การกระตุ้นระบบการทำงานทุกส่วนในร่างกาย โดยเฉพาะสมองและแขนขา

วัยก่อนเข้าเรียน การเล่นกีฬาหรือการทำกิจกรรมต่างๆล้วนแล้วแต่มีความสำคัญมาก เนื่องจากว่าถ้าหากเราพาคนวัยนี้ไปเล่นกีฬานอกจากจะได้ฝึกให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังเป็นการฝึกทางด้านของสมองของพวกเขาอีกด้วย ดังนั้นเด็กในวัยนี้ควรที่จะมีการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง ซึ่งสามารถแยกการเล่นกีฬากลางแจ้งและในร่มอย่างละ 1 ชั่วโมงก็ได้

อายุหรือวัย 5-18 ปี  เด็กในช่วงวัยนี้ถือได้ว่าควรมีการเล่นกีฬาหรืออกกำลังกายอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ซึ่งไม่ว่าจะเป้นการปั่นจักรยานหรือแม้แต่การวิ่งเล่นก็ล้วนเป็นการออกกำลังกายด้วยกันทั้งสิ้น

ช่วงวัย 19-64 ปี สำหรับช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่เริ่มจากวัยรุ่นสู่วัยผู้ใหญ่กันเลยนะ โดยรวมๆแล้วสามารถที่จะเล่นกีฬากันได้หลากหลายชนิด ขึ้นอยู่กับว่าเรามีโรคประจำตัวมั้ย ถ้าไม่มีก็ถือว่าเล่นได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกีฬาที่เป็นการฝึกเน้นเฉพาะก้ามเนื้อก็ได้เช่นกัน หรือต้องการจะเต้นแอโรบิกเพื่อเป็นการฝึกก้ามเนื้อก็ได้นะ

 

สนับสนุนโดย    U12 Sports

ลีดส์ ในยุคมืดที่จะไม่มีวันเป็นเช่นนั้นอีก

เชื่อเหลือเกินว่า คงจะมีแฟนบอลไม่น้อยที่กำลังดีใจว่า มีทีมรักของตนที่เคยเชื่อในยุคเก้าศูนย์กำลังเลื่อนชั้นขึ้นมาในรอบสิบหกปี เพราะทีมนี้คือทีมที่ครั้งหนึ่งเคยเบียดขึ้นมาทาบรัศมี ของแมนยูไนเต็ด ผีแดง และปืนใหญ่ อาร์เซนอล มาแล้ว

โดยเมื่อก่อนนั้น ต้องบอกว่าทีมยูงทองนี้ เต็มไปด้วยขุมกำลังนักเตะอนาคตไกลอย่างมากมาย ซึ่งยุคนั้นประธานสโมสรของลีดส์ คือปีเตอร์ ริดส์เดล ที่เข้ามานั่งเก้าอี้ในปี 1997 พร้อมกับหนี้สินก้อนโตด้วยเงินจำนวน หกสิบล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าเยอะมากในยุคนั้น กับความหวังที่จะนำมาสร้างทีม หลังจากทีมประสบความสำเร็จผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก

ซึ่งต้องบอกว่าในยุคนั้นหากจะทำเงินกับทีมฟุตบอลมีเพียงแค่สองอย่างคือ ทำทีมไปเล่นฟุตบอลยุโรป หรือไม่ก็ขายนักเตะทำกำไร ดังนั้นแผนการทำทีมของบอร์ดบริหารชุดนี้คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรปทุกปี เพราะถ้ามันเป็นไปตามเป้าหมายนั้น

พวกเค้าจะสามารถถอนทุนคืน จากเงินที่กู้ไปได้ แต่ความสำเร็จในฟุตบอลยุโรปของพวกเค้านั้น ทำได้ดีเกินคาดกับการเล่นในปีแรกด้วยการผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ก่อนจะไปพลาดท่าเสียทีให้กับทีมบาเลนเซีย ซึ่งการเข้ารอบลึกในครั้งนั้นมองผิวเผินมันคือความสำเร็จ แต่หายนะที่มันซ่อนอยู่ก็คือ ด้วยความด้อยประสบการณ์ของพวกเค้ากับเวทียุโรปใหญ่ครั้งแรก ทำให้พวกเค้าเทหน้าตักและทุ่มกับผลการแข่งขันในยุโรป จนลืมทำแต้มและรักษาอันดับในลีกให้ดี ยิ่งตอนนั้นโควต้าการไปเล่นฟุตบอลถ้วยใหญ่นั้นได้เพียงแค่สามทีมด้วย

มันจึงกลายเป็นความพลาดท่าที่หลังจากตกรอบฟุตบอลยุโรป แล้วไม่สามารถที่จะกลับมาเร่งทำคะแนนให้อยู่ในสามอันดับแรกของตารางได้ทัน จนสุดท้ายพวกเค้าต้องพลาดอันดับสามด้วยการตามหลังหงส์แดงไปเพียงคะแนนเดียว ทำให้อดไปเล่นฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก

และไปเล่นฟุตบอลยูฟ่าคัพแทน นั่นมันหมายถึงเงินที่หายไปเกือบครึ่งของสโมสร จึงทำให้การเสริมทีมในฤดูกาลถัดมาไม่สามารถต่อยอดกับนักเตะได้อีก และสิ่งที่ตามมาคือฤดูกาลถัดมาพวกเค้าได้เพียงแค่อันดับที่ห้า จึงทำให้เป็นการพลาดยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกถึงสองปีซ้อน และแน่นอนว่า เงินที่พวกเค้ากู้มาต้องชดใช้ด้วยการขายนักเตะเก่งๆออกจากทีมไปเพื่อใช้หนี้

และขาดทุนย่อยยับ จนแทบไม่เหลือนักเตะดีๆไว้ใช้งาน สุดท้ายพวกเค้าก็ต้องตกชั้นไปตามระเบียบ ซึ่งเชื่อว่าการกลับมาครั้งนี้ของลีดส์ ประวัติศาสตร์คงจะไม่ซ้ำรอยอีก

 

สนับสนุนโดย  เซ็กซี่ บาคาร่า ทดลอง

การแยกทางบางทีก็เป็นเรื่องที่ดี

นักเตะหลายคนบางครั้งอยู่กับสโมสรที่ตัวเองรักก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จตลอดไป ดังตัวอย่างล่าสุดที่เราได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า คิงสลี่ย์ โกม๊อง ปีกทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งหากใครเป็นแฟนบอลเสือใต้คงต้องรู้จักเค้าดี เพราะตอนที่บาเยริน์ซื้อเค้ามาจากสโมสรปารีส แซงแชร์แมงค์ นั้นตั้งใจจะนำมาทดแทนการโรยรา  ของฟร้อง ริเบอรี่ ซึ่งก็ต้องชมสายตาอันยาวไกลของบอร์ดบริหารเสือใต้บาเยริน์มิวนิค

ซึ่งมองขาดในเรื่องนี้และได้ดึงนักเตะคนนี้มาจากทีมปารีส ซึ่งหลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ วันที่ตัวเค้าเองได้ทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงด้วยการคว้าแชมป์เปี้ยนลีกได้เป็นผลสำเร็จและนำมาประดับบารมีในอาชีพนักฟุตบอลของตัวเอง ซึ่งรางวัลและเกียรติยศนี้แน่นอนว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่นักฟุตบอลต้องการจะมี และที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้น ตัวเค้าเองเป็นคนยิงประตูชัยให้ทีมได้แชมป์ด้วย มันยิ่งเป็นค่ำคืนที่น่าจดจำเข้าไปใหญ่

แต่มันติดอยู่ที่หัวใจนี่แหละที่ตัวเค้าเองได้บอกว่า มันเป็นคำคื่นที่ยอดเยี่ยม และประวัติศาสตร์คงจารึกไว้ว่าเค้าคือคนยิงประตูช่วยให้ทีมได้แชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก แต่มันดันเป็นประตูชัยที่เค้ายิงทีมที่เค้ารักมากที่สุดในชีวิต เพราะตัวเค้าเองนั้นเติบโตมาจากสโมสรปารีสแซงแชร์แมงค์ตั้งแต่อะคาเดมี่ ก่อนที่จะถูกดันขึ้นชุดใหญ่ในเวลาต่อมา

อีกทั้งด้วยความที่เค้าเกิดที่เมืองปารีสตั้งแต่กำเนิดแล้ว ยิ่งทำให้เค้ามีความรักและผูกพันกับสโมสรนี้เป็นอย่างมาก แต่กระนั้นก็เถอะถึงแม้ว่าเค้าจะรักสโมสรปารีสเพียงใด และเคยคิดไว้ถึงขนาดที่ว่าเค้าจะเล่นให้กับสโมสรปารีส เพียงสโมสรเดียวไปตลอดชีวิต

แต่เส้นทางนักฟุตบอลในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นเพราะการที่ทางสโมสรทุ่มเงินมหาศาลซื้อตัวซุปเปอร์สตาร์อย่าง เนย์มาร์ จากสโมสรบาร์เซโลน่าเข้ามาร่วมทีม และเนย์มาร์เอง มันคงดีที่ทีมที่เค้ารักมีนักเตะเก่งๆ เพิ่มขึ้นมา แต่การที่เนย์มาร์ ก็เล่นตำแหน่งเดียวกับเค้า มันจึงทำให้การที่เค้าจะได้รับโอกาสให้ลงเล่นเป็นตัวจริงมันริบหรี่ลงทันที

และในเวลานั้นมันก็มีข้อเสนอจากยักษ์ใหญ่ เสือใต้เข้ามาเพื่อดึงเค้าไปเป็นตัวแทนฟร้อง ริเบอรี่ มันจึงเป็นการตัดสินใจในช่วงนั้นที่ค่อนข้างสับสน ว่าเค้าจะทำอย่างไรดี แต่วันนี้คำถามที่เกิดขึ้นในตอนนั้น มันได้รับคำตอบแล้วว่า การตัดสินใจแยกทางกับสโมสรที่เค้ารักมากที่สุด มันกลับทำให้เค้าก้าวขึ้นมาเป็นระดับแนวหน้าของวงการฟุตบอลได้ในปัจจุบัน

 

สนับสนุนโดย  alpha88

กีฬายกน้ำหนัก

กีฬายกน้ำหนักในไทยนั้นมีผู้เล่นเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่ผู้ที่เล่นกีฬาชนิดนี้ก็เพื่อไปแข่งขัน มิใช่กีฬาที่คนทั่วไปนิยมเล่นเท่าไรนัก แต่ถึงอย่างไรก็ตามกีฬายกน้ำหนักเป็นที่สนใจของชาวไทยมาก เมื่อถึงช่วงฤดูการแข่งขันเอเชียนเกมส์หรือโอลิมปิกเกมส์ เพราะคนไทยต่างคาดหวังกันว่านักกีฬายกน้ำหนักไทยจะต้องคว้ารางวัลมาได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งส่วนใหญ่นักกีฬายกน้ำหนักไทยก็ไม่เคยทำให้คนไทยผิดหวัง

ในสมัยก่อนมนุษย์เราใช้การยกน้ำหนักเป็นการวัดความแข็งแรงของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการยกถุงทราย การยกหิน การยกเหล็ก การยกกระสอบข้าว การแบกสัตว์แบกสิ่งของต่างๆ โดยสิ่งของที่ใช้ในการแบกหรือยกจะแตกต่างกันไปตามยุคสมัย และตามแต่ละท้องถิ่น จนได้มีการเผยแพร่และพัฒนาการยกน้ำหนักมาเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ที่มีการแข่งขันระดับภูมิภาค ระดับประเทศ

การยกน้ำหนักไม่มีปีที่เกิดขึ้นอย่างแน่ชัด แต่การแข่งขันกีฬายกน้ำหนักเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค. ศ.1896 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ และได้มีการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ในกีฬายกน้ำหนักมาเป็นบาร์เบลครั้งแรกในแถบยุโรปตะวันตก ประมาณช่วงศตวรรษที่ 19 ในยุโรปตะวันตก ต่อมาปี ค. ศ.1920 กีฬายกน้ำหนักได้ถูกบรรจุเข้าในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และได้เปลี่ยนกฎเกณฑ์กติกาในการแข่งขัน โดยให้กีฬายกน้ำหนักอยู่ภายใต้การดูแลสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ 

ในปัจจุบันมีท่าที่ใช้ในการแข่งขันยกน้ำหนักทั้งหมด 2 ท่า คือ

ท่าสแนทซ์ (The two hands of Snatch)

ในการยกท่าสแนทซ์ นักกีฬายกน้ำหนักจะต้องใช้มือทั้ง 2 ข้างในการจับบาร์ แล้วดึงหรือยกขึ้นเป็นจังหวะ โดยที่แขนทั้งสองต้องเหยียดตรงยกขึ้นเหนือศีรษะ ในขณะที่กำลังจะยกบาร์เบลขึ้นนักกีฬาจะย่อเข่าหรือแยกเท้าเพื่อทรงตัวและรับน้ำหนักของบาร์เบลก็ได้ หลังจากนั้นเก็บเท้าให้อยู่ในแนวเดียวกับลำตัวและบาร์เบล และอยู่ในท่าที่นิ่ง 

ท่าคลีนแอนด์เจอร์ด (The two hands of clean and Jerk)

ในการยกท่าคลีนแอนด์เจอร์ดจะเป็นการยก 2 แบบ ในท่าเดียวกัน

ท่าคลีน คือ ท่าที่นักกีฬายกน้ำหนักจะต้องใช้มือทั้งสองข้างจับบาร์ แล้วดึงหรือยกขึ้นเป็นจังหวะเดียว ให้บาร์เบลขึ้นไปพักที่แนวไหล่ หลังจากนั้นจึงยืนขึ้น แล้วอยู่ในท่านิ่งเพื่อเตรียมทำท่าเจอร์คต่อไป

ท่าเจอร์ค คือ ท่าที่นักกีฬายกน้ำหนักจะต้องดันบาร์เบลด้วยการเหยียดแขนให้เป็นจังหวะเดียว โดยนักกีฬาอาจจะย่อเข่าแล้ว สปริงข้อเท้าขึ้นเพื่อส่งแรงในการดันบาร์เบลให้ขึ้นไปอยู่เหนือศีรษะ หลังจากนั้นเก็บเท้าให้อยู่ในแนวเดียวกับลำตัวและบาร์เบล และอยู่ในท่าที่นิ่ง

วิธีการแข่งขันกีฬายกน้ำหนัก

มีการแข่งยกน้ำหนัก 2 ท่า คือ ท่าสแนทซ์ และท่าคลีนแอนด์เจอร์ด โดยเริ่มแข่งท่าสแนทซ์ก่อน นักกีฬามีสิทธิ์ยกน้ำหนักไม่เกิน 3 ครั้ง เมื่อยกเสร็จจะมีเวลาพัก 5 นาที หลังจากนั้นจะเริ่มแข่งท่าคลีนแอนด์เจอร์ดต่อ นักกีฬามีสิทธิ์ยกน้ำหนักไม่เกิน 3 ครั้ง เมื่อแข่งเสร็จแล้วจะทำการคำนวณคะแนนเพื่อจัดอันดับการได้รับรางวัล ซึ่งจะมีการจัดอันดับแค่ 1-3 เท่านั้น อันดับที่ 1 ได้เหรียญทอง อันดับที่ 2 ได้เหรียญเงิน และอันดับที่ 3 ได้เหรียญทองแดง

แม้กีฬายกน้ำหนักจะไม่ใช่กีฬาที่คนทั่วไปนิยมเล่นกัน แต่ก็ยังมีนักกีฬายกน้ำหนักบางส่วนที่ฝึกฝนการยกน้ำหนักสำหรับการไปแข่งขันในระดับต่างๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่ตัวนักกีฬาแล้วยังสร้างความภูมิใจแก่คนไทยอีกด้วย ในการแข่งยกน้ำหนักจะมีการกำหนดรุ่น ได้แก่

-รุ่นมาตรฐานประเภทชายมี 8 รุ่น ดังนี้

1.รุ่นน้ำหนัก 56 กิโลกรัม

2.รุ่นน้ำหนัก 62 กิโลกรัม

3.รุ่นน้ำหนัก 69 กิโลกรัม

4.รุ่นน้ำหนัก 77 กิโลกรัม

5.รุ่นน้ำหนัก 85 กิโลกรัม

6.รุ่นน้ำหนัก 94 กิโลกรัม

7.รุ่นน้ำหนัก 105 กิโลกรัม

8.รุ่นน้ำหนักเกิน 105 กิโลกรัม  

-รุ่นมาตรฐานประเภทหญิงมี 7 รุ่น ดังนี้

1.รุ่นน้ำหนัก 48 กิโลกรัม

2.รุ่นน้ำหนัก 53 กิโลกรัม

3.รุ่นน้ำหนัก 58 กิโลกรัม

4.รุ่นน้ำหนัก 63 กิโลกรัม

5.รุ่นน้ำหนัก 69 กิโลกรัม

6รุ่นน้ำหนัก 75 กิโลกรัม

7.รุ่นน้ำหนักเกิน 75 กิโลกรัม

นักกีฬายกน้ำหนักที่จะเข้าแข่งขันในรุ่นใดก็ตามจะต้องมีน้ำหนักที่ไม่ต่ำกว่าหรือเกินกว่าจำนวนน้ำหนักที่กำหนดของรุ่นนั้น เช่น นักกีฬายกน้ำหนักที่เข้าแข่งขันรุ่น 77 กิโลกรัม ประเภทชาย จะต้องมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 69.1 – 77.0 กิโลกรัม

การตัดสินกีฬายกน้ำหนัก

1.กำหนดให้มีผู้ตัดสิน 3 คน ทำหน้าที่ให้คำตัดสินภายใต้การควบคุมของ คณะกรรมการควบคุมการแข่งขัน

2.เมื่อนักกีฬายกถึงท่าเสร็จสมบูรณ์ ผู้ตัดสินแต่ละคนจะวินิจฉัยให้คำตัดสินของตนเองอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ

      – ก. ถ้าเห็นว่าถูกกติกา จะให้สัญญาณไฟ สีขาว

      – ข. ถ้าเห็นว่าผิดกติกา จะให้สัญญาณไฟ สีแดง

  1. ถ้าผู้ตัดสินคนใด พิจารณาเห็นว่า ขณะนักกีฬากำลังทำการยกได้ทำผิดกติกาให้ตัดสินด้วยสัญญาณไฟสีแดงได้ทันที
  2. สรุปคำตัดสิน ให้ใช้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ของผู้ตัดสินทั้ง 3 คน

การจัดลำดับที่ของการแข่งขัน (ผลการแข่งขัน)

      เมื่อแข่งขันเสร้จให้จัดลำดับที่ของ ท่าสแนทซ์ ท่าคลีนแอนด์เจอร์ด และสถิติโอลิมปิคโตเติล ตามขั้นตอน ดังนี้

      – 1. ผู้ใดยกได้สถิติดีกว่าเป็นผู้ชนะ

      – 2. ถ้ายกได้สถิติเท่ากัน ใครน้ำหนักตัวน้อยกว่าเป็นผู้ชนะ

      – 3. ถ้าน้ำหนักตัวเท่ากันอีก ให้ดูว่าใครยกสถิติที่เท่ากันได้ก่อนเป็นผู้ชนะ ” กีฬายกน้ำหนักไม่มีเสมอครับ “

การยกท่าสแนทซ์ (SNATCH)

      ให้นักกีฬาใช้มือทั้ง 2 ข้าง จับคาน (บาร์) แล้วดึงหรือยกขึ้นเป็นจังหวะเดียวให้แขนทั้งสองเหยียดตรงขึ้นเหนือศรีษะ นักกีฬาอาจ จะแยกเท้าหรือย่อเข่าเพื่อการทรงตัวและรับน้ำหนักของบาร์เบลแล้วยืนขึ้นอยู่ในท่านิ่งให้เท้าทั้งสองข้างลำตัวและบาร์เบลอยู่ในแนว ดียวกันซึ่งถือเป็นท่าที่เสร็จสมบูรณ์

      ข้อที่ผิดกติกาบ่อยๆ เช่น

      – การดึงบาร์เบลจากท่าแขวน คือ ดึงบาร์เบลจากท่าแขวน คือ ดึงบาร์เบลขึ้นมาแล้วหยุดชะงักแล้วดึงต่อ (เป็นแบบ 2 จังหวะ)

      – หัวเข่าหรือก้นสัมผัสกับพื้น

      – หยุดชะงักระหว่างเหยียดแขน

      – ไม่เหยียดแขนสุด เมื่อยกได้สำเร็จ

      – วางบาร์เบลลงก่อน ได้รับสัญญาณจากผู้ตัดสิน

      – ปล่อยหรือทิ้งบาร์เบลลงด้านหลังของนักกีฬา

      – ปล่อยมือจากบาร์เบลขณะที่บาร์เบลอยู่เหนือระดับเอว ฯลฯ

ลำดับการเรียกนักกีฬาขึ้นยก

      เพื่อความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ใส่น้ำหนักเหล็ก จึงกำหนดให้ “กรรมการจัดลำดับการยก” ประกาศเรียกนักกีฬาที่ขอน้ำหนักของบาร์ เบล ที่มีน้ำหนักน้อยกว่าคนอื่นๆ ขึ้นยกก่อน เมื่อการแข่งขันดำเนินต่อๆ ไป จะปรากฎว่า น้ำหนักของบาร์เบลบนเวทีจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น เรื่อยๆ

      สรุป คนที่ไม่ค่อยเก่ง ยกได้น้อยจะถูกเรียกขึ้นยกก่อน คนเก่งๆ ยกได้มากๆ จะถูกเรียกขึ้นยกตอนท้ายๆ แต่ละคนจะมีสิทธิ์ได้ยกคนละ 3 ครั้ง ของแต่ละท่า เคยปรากฎบ่อยๆ ว่าคนเก่งๆ ได้ยกเป็น คนสุดท้ายแต่ทำผิดกติกาฟาวล์ทั้ง 3 ครั้ง ก็ไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย

การยกท่าคลีนแอนด์เจอร์ค(CLEAN & JERK)

      เป็นการยก 2 แบบ รวมอยู่เป็นท่าเดียวกัน

      การคลีน ให้นักกีฬาใช้มือทั้งสองข้างจับคาน (บาร์) แล้วดึงหรือยกขึ้นเป็นจังหวะเดียวให้บาร์เบลขึ้นไปพักที่แนวไหล่ แล้วยืนขึ้น อยู่ในท่านิ่งเพื่อทำท่าเจอร์คต่อไป

      การเจอร์ค คือการดันบาร์เบลด้วยการเหยียดแขนให้เป็นจังหวะเดียว ให้บาร์เบลขึ้นไปอยู่เหนือศรีษะ นักกีฬาอาจจะย่อเข่าแล้ว สปริงข้อเท้าเหยียดขึ้นเพื่อเป็นแรงส่งการดันบาร์เบล หลังจากนั้นค่อยๆ เก็บเท้าให้อยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัวและบาร์เบล ซึ่งถือเป็นท่าเสร็จสมบูรณ์

      ข้อผิดกติกาบ่อยๆ เช่น

      – ดึงบาร์เบลจากท่าแขวน

      – ขณะคลีนข้อศอกสัมผัสกับเข่าหรือขา

      – ขณะคลีนเข่าหรือกันสัมผัสกับพื้น

      – จงใจเขย่าหรือสั่นบาร์เบลเพื่อประโยชน์ในการเจอร์ค

      – งอข้อศอกหรือเหยียดแขนระหว่างการยกยังไม่สำเร็จ

      – วางบาร์เบลลงก่อนได้รับสัญญาณจากผู้ตัดสิน

      – ปล่อยมือหรือทิ้งบาร์เบลลงด้านหลังของนักกีฬา

      – ปล่อยมือจากบาร์เบล ขณะที่บาร์เบลอยู่เหนือกว่าระดับเอว

การกำหนดเวลาให้ยกนักกีฬาแต่ละคนมีเวลา 1 นาที สำหรับการยก ถ้ายกติดต่อกัน จะมีเวลาเพิ่มเป็น 2 นาที ตั้งแต่ถูกเรียกจนยกบาร์เบลพ้นพื้น ถ้าหมด เวลาดังกล่าวแล้ว นักกีฬายังไม่ยกถือว่าผิดกติกา

 

สนับสนุนโดย  คาสิโนออนไลน์888

สิ่งที่เป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ในบอลโลก2002

เหตุการณ์ต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2002 นั้นถือว่าล้วนเป็นเหตุการณ์ที่แฟนบอลนั้นจะต้องจะต้องจำได้ฝังใจแน่นอนและในปีนั้นถือว่าเป็นความล้มเหลวของฟุตบอลโลกอย่างมาก เมื่อมีการจัดการแข่งขันและประเทศที่ได้รับเกียรติในการเป็นเจ้าภาพปีนั้นก็คือประเทศเกาหลีใต้และประเทศญี่ปุ่น

นับว่าเป็นการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกในทวีปเอเชีย และเป็นครั้งแรกของ 2 ประเทศในเอเชียด้วย ถือว่าเป็นปีที่เต็มไปด้วยเหตุการณืที่น่าตื่นเต้นอย่างมากมาย เพราะในการแข่งขันปีนี่นมีทีมน้องใหม่อย่างเซเลกัลที่ได้รับความนิยมและเป็นกระแสฟุตบอลโลกในครั้งนั้นอย่างมาก

ไม่เพียงเท่านี้ทีมชาติตุรกีก็มาแรงไม่แพ้กัน พวกเขาสามารถแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและสามารถเข้าไปสู่รอบลึกๆของฟุตบอลโลกในครั้งนั้นได้ด้วย และสิ่งที่ทำให้แฟนบอลนั้นตื่นเต้นและเป็นสิ่งที่น่าจดจำไม่แพ้กันก็คือ การพ่ายแพ้ของแชมป์เก่าอย่างฝรั่งเศสนั่นเอง โดยในปีนั้นฝรั่งเศสแพ้และตกรอบแรกไปอย่างน่าใจหาย ทำให้แฟนบอลส่วนใหญ่นั้นอึ้งไปตามๆกันเลยก็ว่าได้

ฟุตบอลโลกในปี 2002 นั้นถือว่าเกิดความล้มเหลวอย่างมากเพราะไม่เพียงแต่ฝรั่งเศสเท่านั้นที่แพ้และตกรอบไปแต่ทีมใหญ่ๆหลายทีมนั้นก็ไม่สามารถเข้าไปสู่รอบลึกๆได้มีเพียงอิตาลีที่ได้เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศแต่สุดท้ายแล้วนั้นก็แพ้ให้กับทีมชาติเกาหลีใต้ไปอย่างน่าเสียดายและเมื่อการแข่งขันจบลงนั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ฟุตบอลโลกในครั้งนั้นไม่จบตามไป

เนื่องจากในการแข่งขันเกมส์ฟุตบอลในนัดที่เกาหลีใต้พบกับอิตาลีนั้น มีความผิดปกติในการแข่งขันอย่างเห็นได้ชัดเจนเพราะในการแข่งขันครั้งนั้นทีมชาติอิตาลีถือว่ามาด้วยกองทัพที่ครบเครื่องและแต่ละตัวของทีมชาติอิตาลีนั้นถือว่าฝีเท้าแต่ละคนไม่ธรรมดาและยังเป็นดาวรุ่งของวงการฟุตบอลในตอนนั้นอีกด้วยและคาดการกันว่าทีมชาติเกาหลีนั้นอาจจะต้านทานความครบเครื่องของทีมชาติอิตาลีไม่ไกวอย่างแน่นอน

แต่แล้วเมื่อนกหวีตดังและเกมส์การแข่งขันเริ่มขึ้นแมตส์แห่งความหายนะก็เกิดขึ้นทันใด เริ่มจากคนแรกที่ทำมห้เกมส์นี้นั้นผิดปกติไปก็คือผู้ตัดสินในเกมส์นี้นั่นเอง โดยเขานั้นมีชื่อว่าไบร่อน โมเรโน่ ในเกมส์นั้นผู้เล่นฝั่งเกาหลีเข้าใส่ผู้เล่นฝั่งอิตาลีอย่างไม่ยั้งเลยก็ว่าได้อีกทั้งยังเล่นแรงแบบที่ไม่เคยเห็นการแข่งขันในครั้งในในบอลโลกมาก่อนเลยทีเดียว ถึงขั้นเลือดตกยางออกแต่กรรมการนั้นก็ไม่ได้มีการปรับฟาร์วหรือให้ใยแดงกับทีมชาติเกาหลีแต่อย่างใด

เมื่อเกมส์การแข่งขันจบลงที่สกอร์1-1 ทำให้ต้องใช้กฏการต่อเวลาด้วย Golden Goal ในช่วงของการต่อเวลานั้นอิตาลีสามารถยิงได้แต่ไลน์แมนยกธงขึ้นทันทีว่าล้ำเส้นทั้งที่มองยังไงก็ไม่ล้ำจนในที่สุดเกาหลีก็สามารถเอาชนะไปด้วยลูกโหล่งทำให้เกมส์การแข่งขันในครั้งนั้นจบลงและทำให้เกาลีใต้นั้นชนะอิตาลีไปอย่างงุนงง ก็ถือว่าเป็นบอลโลกที่เป็นที่จดจำและฝังใจแฟนบอลทั่วโลกมาก

 

สนับสนุนโดย  ชุดตรวจ hiv

หลักการให้หรือรับใบแดง

       หากใครที่เคยดูการแข่งขันฟุตบอลจะเห็นได้ว่าในการแข่งขันฟุตบอลนั้นบางทีนักฟุตบอลในสนามก็ถูกกรรมการไล่ออกจากสนามด้วยการแจกใบแดงหรือบางทีก็มีการตักเตือนวิธีการเล่นด้วยการแจกใบเหลืองคุณรู้หรือไม่ว่าระหว่างใบเหลืองและใบแดงนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรและมีอะไรตัดสินให้คณะกรรมการในสนามเรื่องที่จะให้ใบเหลือง หรือใบแดงกับนักกีฬาฟุตบอลคนนั้น ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาดูข้อแตกต่างระหว่างใบเหลืองใบแดงและวิธีการหรือหลักการในการเลือกที่จะให้

         สำหรับใบเหลืองนั้นเป็นการที่กรรมการในสนามเห็นว่าการทำผิดกติกามารยาทในการเล่นฟุตบอลในสนามนั้นยังไม่รุนแรงมากนักยังสามารถที่จะตักเตือนว่ากล่าวได้แต่ในขณะเดียวกันการให้ใบเหลืองกับนักกีฬานั้น 1 คนจะได้รับใบเหลืองเพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น

หากเมื่อใดก็ตามที่คุณได้รับใบเหลืองใบที่ 2 คุณจะต้องโทรออกจากสนามทันทีเพราะนั่นหมายถึงว่าคุณจะถูกเปลี่ยนจากใบเหลือง 2 ครั้งมันเป็นใบแดงและคุณจะไม่สามารถกลับมาเล่นในสนามได้อีกเลย

       สำหรับหลักการในการให้ใบเหลืองนั้นก็คือจะดูวิธีการเล่นว่านักกีฬาเนื้อมีการเล่นกันแรงมากแค่ไหน มีการทำผิดมารยาทการเล่นกีฬาฟุตบอลหรือไม่ซึ่งในขณะที่มีการแข่งขันฟุตบอลจะไม่มีการอนุญาตให้ถอดเสื้อรวมถึงไม่อนุญาตให้นักกีฬานั้นปะทะกันโดยตรงจะสามารถเล่นได้เฉพาะใช้เท้าในการเตะลูกฟุตบอลเท่านั้นหากมีการใช้มือหรือมีการพักคู่แข่งก็จะทำให้ได้รับใบเหลืองได้นั่นเอง

แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากว่าเหตุการณ์ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นรุนแรงเช่นนักกีฬาตั้งใจที่จะทำร้ายร่างกายเพื่อนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทีมหรือว่าคู่แข่งในสนามรวมถึงนักกีฬาแสดงกิริยาไม่เหมาะสมขณะที่อยู่ในสนามเช่นถ่มน้ำลายใส่คนอื่นหรือชกต่อยคนอื่นรวมถึงการแกล้งล้มหรือสกัดขาให้คู่ต่อสู้ล้มลง 

             รวมถึงตั้งใจทำทุกวิถีทางให้คู่ต่อสู้นั้นได้รับบาดเจ็บหรืออันตรายกรรมการในสนามสามารถที่จะพิจารณาให้ใบแดงได้เลยโดยที่ไม่จำเป็นต้องให้ใบเหลืองและถ้าหากคุณได้รับใบแดงเมื่อไหร่แล้วเราก็คุณจะไม่สามารถกลับมาลงเล่นในการแข่งขันในครั้งนั้นได้อีกเลยโดยถือว่าการกระทำที่ได้รับใบแดงนั้น

คือการกระทำที่รุนแรงที่คณะกรรมการไม่สามารถอภัยให้ได้ในการแข่งขันครั้งนั้น  และในขณะเดียวกันถ้าหากทำความผิดไม่ร้ายแรงแต่เมื่อมีการตักเตือนด้วยการให้ใบเหลืองไป 1 ครั้งแล้วยังคงทำความผิดเหมือนเดิม  กรรมการในสนามก็สามารถให้จะพิจารณาให้ใบหนึ่งซ้ำอีกครั้งหนึ่งเพื่อเปลี่ยนเป็นใบแดงและให้นักกีฬาคนนั้นออกจากสนามได้เลย 

          และนี่คือหลักการแบบง่ายๆในการที่กรรมการในสนามจะพิจารณาออกมาว่านักกีฬาคนไหนสมควรที่จะได้ใบเหลืองหรือนักกีฬาคนไหนสมควรที่จะได้ใบแดงโดยทุกครั้งจะต้องมีผลของการกระทำในสนามซึ่งเวลาที่นักกีฬาลงเล่นในสนามนั้นไม่ใช่เพียงแค่กรรมการเท่านั้นที่จะเห็นว่าคุณทำอะไรลงไปบ้าง

เพราะผู้ชมบริเวณขอบสนามก็จะเฝ้ามองการกระทำของคุณอยู่เช่นเดียวกันและกฎการให้ใบเหลืองใบแดงนั้นก็เป็นกฎที่ตั้งขึ้นมาเพื่อที่การแข่งขันฟุตบอลในครั้งนั้นจะได้มีการเล่นกันอย่างเป็นระบบเป็นระเบียบและไม่เกิดอันตรายต่อผู้เล่นในสนามนั้นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  สถิติหวยลาวออกวันพระ

รองเท้าทองคำในเวทีที่สาม

นักเตะที่ได้รับการยอมรับที่สุดว่าเก่งที่สุดในโลกนั้น ไม่ใช่นักเตะที่ชนะฟุตบอลโลก หรือนักเตะที่ชนะฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติของยุโรป หรือของอเมริกาใต้แต่อย่างใด แต่นักเตะที่ได้รับการยอมรับว่าเก่งที่สุดนั้น จะต้องเป็นการที่เจ้าตัวแสดงความสามารถออกมาเป็นที่ประจักษ์ให้คนทั่วโลกได้เห็นและมีการยอมรับจากทั้งตัวผู้จัดการทีมของแต่ละสโมสรหรือเพื่อนร่วมอาชีพ

ซึ่งตรงจุดนั้นก็จะมีการโหวตกัน แต่อีกตำแหน่งหนึ่งที่พิสูจน์กันแบบให้เห็นโดยไม่ต้องรับการโหวตจากใครๆนั่นก็คือ ตำแหน่งรองเท้าทองคำ ซึ่งเป็นการวัดจำนวนการยิงประตูที่ยิงได้มากที่สุดในแต่ละฤดูกาลของนักเตะคนใดคนหนึ่ง ซึ่งนับรวมการยิงประตูในประเทศตัวเอง และการแข่งขันฟุตบอลยุโรปด้วย ซึ่งในเวลานี้นั้น มีนักเตะคนหนึ่งที่กำลังจะทำสถิติคว้ารองเท้าทองคำได้ในฐานะที่เล่นกับสามสโมสร นั่นก็คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เจ้าของ CR7 นักเตะทีมชาติโปรตุเกสนี่เอง

เพราะในเวลานี้นั้น นักเตะคนนี้สามารถคว้าตำแหน่งรองเท้าทองคำมาได้แล้วถึงสี่สมัยด้วยกัน ซึ่งครั้งแรกนั้นเค้าทำได้ในสมัยที่เล่นในศึกพรีเมียร์ลีกประเทศอังกฤษ กับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะมาคว้าอีกสามสมัย ในช่วงที่เล่นกับราชันชุดขาว รีลมาดริด ในศึกลาลีกา ประเทศเสปน

และในเวลานี้การที่เค้ามาได้เล่นกับม้าลายยูเวนตุส นั้น มันเป็นโอกาสที่จะทำให้เค้าสามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะคนแรกที่สามารถคว้ารางวัลรองเท้าทองคำได้กับสามลีกดังของยุโรป ซึ่งถึงแม้ว่าเค้าจะมีคู่แข่งที่น่ากลัวอยู่หลายคนไม่ว่า จะเป็น ลีโอเนล เมสซี่ ของบาร์เซโลน่า จากศึกลาลีกาในประเทศเสปน หรือจะเป็น โรเบริต์ เลวานดอฟกี้ ศูนย์หน้าชาวโปแลนด์ จากสโมสรเสือใต้ บาเยริน์ มิวนิค ในศึกบุนเดสลีกา ในประเทศเยอรมัน

ล้วนเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองของเค้า แต่ด้วยความเก่งกาจของโรนัลโด้นั้น เชื่อว่าตัวเค้าเองจะมีโอกาสทำได้อย่างแน่นอน เพราะด้วยการเล่นที่ยังคงดุดัน บวกกับความทะเยอทะยาน ที่ไม่มีวันยอมแพ้ใคร ซึ่งจะเห็นได้ว่าเพียงแค่ฤดูกาลแรกที่เค้าย้ายมาจากราชันชุดขาวนั้น หลายคนคิดว่า ตัวโรนัลโด้ เองนั้นน่าจะโรยรา

แต่ที่ไหนได้นักเตะคนนี้ยิงประตูเป็นว่าเล่น เพียงแค่ฤดูกาลเดียวก็ยิงไปแล้วถึงสามสิบสี่ประตู ดังนั้นเชื่อว่าหากเจ้าตัวยังคงมุ่งมั่นอยู่แบบนี้ การที่นักเตะคนนี้จะคว้าตำแหน่งรองเท้าทองคำเป็นสมัยที่ห้า กับสโมสรที่สาม และทำสถิติคนแรกได้ด้วยนั้น คงไม่ยากเกินไป

 

สนับสนุนโดย  คาสิโนสด บาคาร่า

รักทีมเดิมหรือไม่มีทีมไหนต้องการตัวกันแน่ ?

         ข่าวของนักฟุตบอล  โรบินโญ่  นักฟุตบอลวัย 36 ปี  ได้มีการขอย้ายไปอยู่กับทีมซานโตส ซึ่งแต่เดิมนั้นเขาเป็นนักฟุตบอลที่ไม่ได้สังกัดกับทีมไหนเนื่องจากว่าหมดสัญญากับ ทีม อิสตันบูล  บาซัคเซเฮียร์ กไก่มาเป็นนักเตะไม่มีสังกัดและยังคงไม่ได้เซ็นสัญญากับทีมไหนเลยแต่ในที่สุดก็มีข่าวออกมาว่าเขาได้ไปทำการเซ็นสัญญากับสโมสรเดิมที่เขาเคยเริ่มต้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพครั้งแรกซึ่งเป็นสโมสรที่เขาอยู่ทีมแรกตั้งแต่ตอนที่เขาอายุเพียงแค่ 12 ปีเท่านั้นเอง

      สโมสรดังกล่าวนั้นคือสโมสรซานโตสซึ่งสโมสรนี้นั้นเป็นสโมสรที่เล่นอยู่ในลีกของบาร์เซโลน่า ซีรีส์เอ และข่าวเรื่องการย้ายเข้าไปอยู่ทีมสโมสร ซานโตส  ของโรบินโญ่คงจะไม่ดังถ้าหากว่าค่าตอบแทนที่เขาได้รับนั้นเพียงแค่ประมาณเดือนละ 2 ล้านปอนด์เท่านั้นเองซึ่งนับได้ว่าเป็นค่าตัวที่น้อยมากตั้งแต่ที่โรบินโญ่ได้เป็นนักเตะมา

     ที่สำคัญหากมีการเปรียบเทียบเสียงที่เขาสะสมมาตั้งแต่อายุ 12 ปีจนมาถึงปัจจุบันนี้เขาอายุ 36 ปีแล้วเขามีประสบการณ์โชกโชนอย่างมากเขาเป็นนักเตะมากความสามารถที่สามารถเลือกได้เลยว่าอยากอยู่กับสโมสรไหนแต่ในขณะนี้ การที่เขาเลือกที่จะมาอยู่สโมสรเดิมที่เขาอยู่ครั้งแรกและเลือกที่จะได้รับค่าตัวเพียงแค่ 200 ปอนด์ต่อเดือนก็ทำให้หลายคนนั้นเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก

         อย่างไรก็ตามเขาได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่าสาเหตุที่เขารับค่าตัวน้อยนั้นเพราะเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องของเงินทองแต่อย่างใดเพียงแต่ว่าเขาอยากกลับมาอยู่กับสโมสรเดิมที่เคยปั้นเขามาแล้วเป็นสโมสรแรกในชีวิตของเขาที่ให้เขาเข้ามาสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพและสามารถทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงปัจจุบันนี้  ทางด้านโรบินโญ่ยังบอกอีกด้วยว่าเขาต้องการที่จะมาช่วยเหลือทางสโมสรให้สามารถคว้าแชมป์ได้โดยเขาจะช่วยเหลือสโมสรให้ไปสู่แชมป์อย่างสุดความสามารถ 

              ไม่ว่างานที่สโมสรอยากจะให้ช่วยเหลืออะไรทั้งเกี่ยวกับงานในสนามและงานนอกสนามเขาก็จะดูแลสโมสรอย่างเต็มที่นั่นเองดังนั้นเกี่ยวกับเรื่องของเงินที่ได้รับผลตอบแทนอันน้อยนิดที่หลายคนตกใจนั้นจึงไม่ใช่เป็นปัญหาสำหรับเขาเลยยังไงแล้วก็ตามเขายืนยันว่าเขาจะช่วยเหลือสโมสรซานโตสให้สโมสรนั้นสามารถคว้าแชมป์ บราซิเลียโร่ ลีก ซีรีส์เอ ได้อย่างแน่นอนในฤดูกาลนี้

เพราะว่าสโมสรนี้เป็นสโมสรที่อยู่ในบ้านเกิดของเขาเพราะฉะนั้นไม่ว่าเขาจะไปมีประสบการณ์จากที่ไหนมาขายที่สุดแล้วเขาก็ต้องกลับมาช่วยเหลือบ้านของเขาอย่างแน่นอน 

         และถึงแม้ว่าทางด้านโรบินโญ่จะออกมาให้ข่าวในลักษณะของการรักบ้านเกิดเมืองนอนมากถึงขนาดที่ยอมลดค่าตัวของตนเองเพียงแค่ 200 ปอนด์เพื่อที่จะได้อยู่กับทีมในบ้านเกิดแต่หลายคนก็เกิดความสงสัยกับค่าตัวอันน้อยนิดของเขานี่ว่าแท้ที่จริงแล้วด้วยอายุที่มากขึ้น 36 ปีของเขาทำให้ไม่มีสโมสรไหนรับเขาเข้าร่วมทีมหรือไม่ที่ทำให้เขาตัดสินใจรับเงินค่าเหนื่อยเพียงแค่ 200 ปอนด์เพื่อที่จะได้มีสโมสรให้เขายังคงสามารถเตะฟุตบอลได้อยู่นั่นเอง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  แทงหวยออนไลน์

คนสุราษฎร์แห่ถ้วยจัดฉลอง หงส์

เหล่าสาวกของ หงส์ สุราษฎร์ธานี  ในวันเสาร์ที่ 18 ก.ค.นี้ โดยเป็นการที่เรานั้นใช้รถแห่ขบวนสารพัดรถที่จะมีไม่ว่าจะเป็นรถหรู เก๋ง มอไซร์ ฮาร์เลย์ ที่เรานั้นจะเอาเข้ามาร่วมในการแห่ถ้วยพรีเมี่ยร์ลีกจำลอง  ฉลองชัย จากที่หงส์แดงนั้นได้คว้าแชมป์ลีกรอบ 30 ปี นั่นเอง

ส่วนในทางด้านของคนหัวหน้าพรรคคนรักหงส์แดง สุราษฎร์ธานีนั้นได้กล่าวในความคิดคือเป็นการที่เรานั้นได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการโปรโมต ในเรื่องของความปลอดภัยอีกด้วยในเนื่องจากโรคโควิดนั่นเอง  และก็พร้อมที่จะให้เหล่านักท่องเที่ยวนั้นกลับเข้ามาเที่ยวเยี่ยมเยือน

นายยุทธนา มงคลนิมิต ที่เป็นประทาน  ชมรมคนรักหงส์นั่นเอง ได้ออกมากล่าวว่าเป็นเรื่องที่เรานั้นได้รู้ว่าหงส์แดงนั้นกว่าจะได้ชัยชนะมานั้นเป็นเรื่องที่นานมากเพราะว่าเป็นการที่เรานั้นเป็นการรอคอยกว่ามาถึงนั่นเอง และเป็นเรื่องที่เรานั้นรอคอยกันมายาวนานนั่นเอง  และก็ประทานชมรมนั้นได้ทำหนังสือเพื่อที่จะขอการใช้สถานที่และการที่เรานั้นเป็นการร่วมแห่การที่ไปสถานที่ต่างนั้น

เป็นเรื่องที่เรานั้นได้ทำการขออนุญาติไปแล้วนั้นเองแต่หารู้หรือไม่ว่าเป็นการที่เรานั้นได้รับเรื่องเกี่ยวกับการโปรโมทเพราะว่าเรานั้นได้ทำหนังสือเพื่อที่จะเป็นการบอกและก็ขอเกี่ยวกับการที่เราต้องใช้รถในการแห่ขบาวนนั่นเองและหลังจากนั้นเราจะมีบรรดารถแห่ไม่ว่าจะเป็นรถหกล้อ  รถมอไซร์ ฮาร์เลย์ รถเก๋ง รถกระบะ ที่จะเข้ามีการเป็นส่วนร่วมในการแห่ครั้งนี้นั่นเอง

แต่ไม่ว่าอย่างไรนั้นการที่เรานั้นทำอย่างนี้ก็เป็นการที่เราทำให้คนที่ชื่นชอบเกี่ยงกับหงส์แดงนั้นได้เข้ามาร่วมแสดงความดีใจและก็พูดคุยกันนั่นเอง  ในขณะที่เรานั้นมีการแห่นั้นรถที่เรานั้นคิดว่าที่เข้าร่วมนั้นจะมีประมาณ 50 กว่าคัน และผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมนั้นจะมีประมาณ 300 คนเป็นอย่างต่ำ

และเรานั้นก็เป็นการที่โปรโมทเกี่ยวกับเรื่อง โรคโควิดที่ตอนนี้เป็นระยะเวลาประมาณกว่า 2 เดือนแล้วที่บ้านเรานั้นสามารถที่จะควบคุมเรื่องโรคนี้ได้นั่นเอง และก็ถือว่าเป็นการที่เรานั้นโปรโมทในเรื่องที่ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวของสุราษฎร์ธานีนั้นกลับมาท่องเที่ยวได้เหมือนเดิมนั่นเอง

ในระหว่างที่เรานั้นร่วมกันแห่ขบวนนั้นเราก็ต้องใช้เวลาที่เราต้องการไปถึงสถานที่นั้นประมาณ 2 ชั่วโมงนั่นเอง หลังจากนั้นก็จะเป็นการที่เรามีกิจกรรมที่ทำพร้อมกันและเป็นการชูถ้วยแชมป์ขึ้นอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย  dewabet

ไค ฮาเวิรตซ์ย้ายซบเชลซีพร้อมเซ็นสัญญาอยู่ด้วย 5 ปี 

          เชื่อว่าในวันนี้หลังจาก แฟนบอลของเชลซีให้ได้ยินข่าว เกี่ยวกับการซื้อตัวนักเตะเข้ามาร่วมทีม กับทางสโมสรเชลซีแล้วก็คงจะต้องดีใจกันอย่างแน่นอน  

เนื่องจากในวันนี้ซึ่งตรงกับวันที่ 5 เดือนกันยายนปีพศ2563 ทางด้านสโมสรฟุตบอลเชลซีได้ออกมาประกาศเกี่ยวกับเรื่องของการปิดดิลการซื้อนักเตะ ที่กำลังเป็นดาวรุ่งอยู่ในขณะนี้นั้นก็คือการที่ทางสโมสรเชลซีนั้นสามารถคว้าตัว ไค ฮาเวิรตซ์ ให้มาอยู่กับทางสโมสรเชลซีได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยในวันนี้ท่านเชลซีและ   ไค ฮาเวิรตซ์  ได้มีการตกลงทำสัญญากันเป็นที่เรียบร้อยโดยเอกสารสัญญานั้นมีการระบุไว้ชัดเจนว่า ไค ฮาเวิรตซ์ จะต้องอยู่กับสโมสรเชลซีเป็นระยะเวลา 5 ปีด้วยกัน  ซึ่งข้อตกลงสัญญานี้เป็นอันว่าได้รับการตอบรับเป็นที่เรียบร้อยแล้วอย่างเป็นทางการ

   อย่างไรก็ตามแต่ทางร้านสโมสรเชลซีนั้นไม่ได้ซื้อตัวเพียงแค่ ไค ฮาเวิรตซ์ให้มาร่วมทีมเพียงเท่านั้น  เพราะก่อนหน้านี้ทางสโมสรเชลซีก็ได้มีการซื้อตัวนักเตะหน้าใหม่มาอีกหลายคนซึ่งท่านนับรวม ไค ฮาเวิรตซ์ที่มีการเซ็นสัญญากันในวันนี้ก็เป็นทั้งหมด 7 คนแล้วด้วยกัน  โดยช่วงที่มีการซื้อตัวนักเตะนั้นเป็นแค่ช่วงเวลา Summer สั้นๆนี้เท่านั้นเองแต่ก็สามารถปิดบิลการค้าได้อย่างสวยงามและเชลซีก็มีนักเตะที่ตนเองต้องการอยากจะให้มาร่วมทีมได้มากถึง 7 คนแล้ว

  สำหรับการเซ็นสัญญาระหว่างเชลซีกับไค ฮาเวิรตซ์ นั้นถึงแม้จะมีการระบุแล้วว่ามีการทำเอกสารและมีลายเซ็นกันเป็นที่เรียบร้อยแต่ทางร้านสโมสรเชลซีและ ไค ฮาเวิรตซ์ ก็ไม่ยอมออกมาประกาศว่าสุดท้ายแล้วค่าตัวของ ไค ฮาเวิรตซ์ ได้เป็นจำนวนเงินไปเท่าไหร่  เราไม่ว่านักข่าวหรือใครถามทางด้านตัวแทนสโมสรเชลซีรวมถึงไค ฮาเวิรตซ์  ก็ไม่ยอมปิดปากบอกค่าตัวกันเลย 

       จากการที่นักข่าวสัมภาษณ์ ไค ฮาเวิรตซ์  เขาได้พูดถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้มีการเซ็นสัญญากับทางเซลล์ C แล้วว่าเขารู้สึกมีความสุขและมันเหมือนกับเป็นความฝันที่ในที่สุดแล้วเขาก็ได้มาอยู่ในสโมสรที่โด่งดังอย่างเชลซีซึ่งแน่นอนว่าเขาวาดหวังเป็นอย่างมากว่าเขาจะทำความฝันที่เขาหวังไว้นั้นให้เป็นจริง

  โดยทางด้าน ไค ฮาเวิรตซ์ ยังบอกอีกด้วยว่าเขาคาดหวังว่าจะสามารถเข้ากับเพื่อนร่วมทีมได้แล้วก็อยากจะเจอเพื่อนร่วมทีมของเขาเร็วๆนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อนร่วมทีมเท่านั้นที่เขาอยากเจอแต่เราทีมงานทั้งหลายพวกสต๊าฟโค้ชเขาก็อยากจะทำความรู้จักเพื่อที่จะได้สนิทสนมและอยู่ด้วยกันอย่างราบรื่น

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันบอล ฝากขั้นต่ํา 100 โบนัส 100