นับตั้งแต่ฟุตบอลอังกฤษเริ่มมีขึ้นมานั้น มหาอำนาจลูกหนังอย่างสโมสรลิเวอร์พูลได้ก้าวขึ้นมาครองยุคความยิ่งใหญ่ตั้งแต่ปี 1970 -1990 แต่หลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนชื่อการแข่งขันจากดิวิชั่นหนึ่ง เป็นพรีเมียร์ลีก

จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นระยะเวลาเกือบสามสิบปีแล้ว ที่ทีมดังยักษ์ใหญ่อย่าง สโมสรลิเวอร์พูล หรือหงส์แดง ที่แฟนบอลไทยของเรารู้จักกันนั้น ยังไม่เคยมีโอกาสได้ชูถ้วยแชมป์ใบนี้เหมือนกับทีมอื่นๆ สักที ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นทำได้เพียงก็แค่รองแชมป์ สองถึงสามครั้งเท่านั้น นอกนั้นก็จะวนเวียนอยู่ที่อันดับสองถึงอันดับห้า

ซึ่งหากมองถึงชื่อเสียงของสโมสรและศักยภาพของนักเตะนั้น ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องแปลกพอสมควรที่สโมสรแห่งนี้ ยังไม่เคยได้มีโอกาสสัมผัสถ้วยแชมป์ใบนี้ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ใช่ว่าสโมสร

ลิเวอร์พูล จะไม่ได้ประสบความสำเร็จ เพราะในทางกลับกันนั้นพวกเค้าก็ยังคงคว้าแชมป์ได้อยู่เรื่อยๆ เพียงแต่ในแชมป์ที่พวกเค้าได้นั้น ไม่เคยมีแชมป์พรีเมียร์ชิพเลย ทีมดังจากย่านเมอร์ซี่ไซด์ แห่งนี้ กวาดมาครบแล้วทุกถ้วยรางวัล

แต่มันเหมือนเป็นอาถรรพ์ หรือมนต์ต้องคำสาปที่ทำให้พลพรรคหงส์แดงนี้ ทำให้สาวกเดอะคอปของพวกเค้ารู้สึกว่ามันยังไปไม่ถึงเส้นทางที่สุดสุดสักที ไม่ว่าแต่ละปีเค้าจะมีนักเตะที่เก่งๆ เข้ามาสู่สโมสรมากมายไม่ว่าจะเป็น ร๊อบบี้ ฟาว์เลอร สตีฟ แมคมานามาน 

เจมี่ เร็ดแนป ไมเคิ่ลโอเว่น และสตีเว่น เจอร์ราด์ ซึ่งนักเตะเหล่านี้ล้วนมีความสามารถเฉพาะตัวที่ต้องบอกว่าคือกำลังสำคัญของทีมชาติอังกฤษในแต่ละยุคเลยก็ว่าได้ ซึ่งยุคที่สโมสรนั้นใกล้เคียงที่สุดกับคำว่าเป็นแชมป์พรีเมียร์ชิพนั้นคงต้องยกให้เป็นยุคที่ เจอร์ราดด์ ก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมและผู้นำอย่างแท้จริง

ประกอบกับเริ่มมีนักเตะต่างชาติเข้ามาร่วมทีมไม่ว่าจะเป็น ตอร์เรส หรือ หลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งก็สามารถผลักดันให้พวกเค้าไปได้ไกลถึงแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก แต่ก็ยังไม่สำเร็จกับถ้วยพรีเมียร์ลีกสัก จนล่าสุดวันที่พวกเค้ารอคอยใกล้จะมาถึง เหลืออีกไม่ถึงสามเดือน สามสิบปีที่รอคอยของพลพรรคหงส์แดง และกองเชียร์ทั่วโลกจะได้เฮกันดังๆสักที ใกล้จะมาถึง

แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าความฝันของพวกเค้ายังต้องรอต่อไปอีกหรือไม่ เพราะคู่ต่อสู้ของพวกเค้าในปีนี้ไม่ใช่สโมสรแมนซิตี้ สโมสรแมนยู สโมสรเชลซี หรือสโมสรเสปอร์และสโมสรอาร์เซนอล แต่ศัตรูของพวกเค้าปีนี้คือ สโมสรไข้ไวรัสโควิด 19