กลับมาแล้วสำหรับการแข่งขันฟุตบอลลีกยุโรปที่เงียบเหงากันไปเกือบสามเดือนซึ่งการกลับมาครั้งนี้นั้น ก็มีอะไรหลายๆอย่างที่แปลกตากันไป ไล่เรียงกันมาตั้งแต่เรื่องของคนดูในสนามที่ตามกฎกติกาและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดนี้นั้นได้ให้มีการแข่งขันฟุตบอลกันได้ก็จริง แต่ต้องมีจำนวนผู้เข้าในสนามได้ไม่เกินสามร้อยคน ซึ่งในจำนวนสามร้อยคนนี้ก็ไม่ใช่คนดูด้วย เพียงแต่เป็นเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน กรรมการ ผู้เล่น และบรรดาหัวหน้าโค้ช ผู้จัดการทีมและสต๊าฟ์เท่านั้น ซึ่งก็ทำให้บรรยากาศการแข่งขันก็ดูแปลกตากันไป

ซึ่งมองจากการถ่ายทอดสดก็จะเห็นที่นั่งคนดูว่างเปล่าเปรียบเหมือนฟุตบอลอำเภอบ้านเรายังไงก็ไม่รู้ พอผ่านไปสักนักสองนัดฝ่ายจัดการแข่งขันคงมองแล้วว่าไม่โอแน่นอน จึงได้นำการเอาเสียงผู้ชมมาเปิดในสนามเพื่อให้บรรยากาศมันดูคึกคักและช่วยกระตุ้นนักเตะไปอีกทาง

และนอกจากนั้นที่ดูแปลกไปคือ การเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่จากเดิมกติกา การแข่งขันสากลนั้นจะกำหนดให้มีการเปลี่ยนตัวได้ทีมละสามคน คราวนี้ด้วยจำนวนการแข่งขันที่มีค่อนข้างถี่ และเป็นการช่วยให้นักกีฬาไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป จึงได้ออกกฎมาใหม่ให้เปลี่ยนตัวได้ฝั่งละห้าคน ซึ่งก็เป็นความโชคดีของพวกตัวสำรองที่โดยปรกติจะไม่ค่อยได้ลงสนาม จึงมีโอกาสที่จะถูกเปลี่ยนตัวลงมามากขึ้น แต่ด้วยการที่กลัวจะมีทีมเสียเปรียบเนื่องจากโดนถ่วงเวลา

ทางฝ่ายจัดการแข่งขันจึงยังคงให้มีการเปลี่ยนตัวได้แค่สามครั้งเท่าเดิม เพื่อป้องกันปัญหาการถ่วงเวลานั่นเอง ส่วนบางลีกที่มีอากาศร้อนมากๆ จะมีการให้พักคูลลิ่งเบรก หรือการพักเพื่อดื่มน้ำ ในช่วงการแข่งขันด้วยเช่นกัน ส่วนในการแข่งขันนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่ดูเปลี่ยนไปก็คือ การเถียงผู้ตัดสินที่รู้สึกว่ามีน้อยลงไปเนื่องจาก ก็คงต้องระวังเรื่องน้ำลาย หรือการเว้นระยะห่างกันเช่นกัน และอีกจุดหนึ่งในสนามก็คือการฉลองการยิงประตูด้วยท่าดีใจที่ไม่มีการสวมกอดกัน มีแต่การเข้ามาแสดงความยินดีและนำกำปั้นมาชนกันเท่านั้น

แม้แต่จับมือก็ยังคงน้อยลงไป เพราะกลัวกันนั่นเอง ส่วนการเข้าแถวก่อนลงสนามก็มีแปลกตาให้เห็น ซึ่งเมื่อก่อนเป็นการยืนเรียงแบบหน้ากระดานกัน แต่ตอนนี้เป็นการยืนแบบวงกลมและห่างๆกัน ซึ่งก็เป็นอะไรที่เปลี่ยนไปมากพอสมควร แต่ก็เพราะสถานการณ์มันบังคับ ซึ่งก็คิดว่าอีกหน่อยก็จะชินกันไปเอง อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่มีฟุตบอลดีๆ กลับมาให้แฟนบอลดูกันเหมือนเดิม

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sa game vip